แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - siritidaphon

หน้า: [1] 2 3 ... 41
1
เครื่องมือจัดฟันเด็ก สำหรับเด็ก

หลายคนคงทราบกันดีอยู่แล้วว่า การจัดฟันนั้นมีด้วยหลากหลายรูปแบบ ซึ่งการจัดฟันในแต่ละแบบนั้น ก็มีความแตกต่างกันและมีจุดเด่นที่ต่างกัน เพราะปัญหาในเรื่องของลักษณะหรือรูปร่างของฟันในแต่ละคนนั้น มีความแตกต่างกัน จึงมีวิธีการแก้ไขปัญหาที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้น การรักษาด้วยการจัดฟันจึงมีหลายรูปแบบ ซึ่งการรักษาก็จะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของทันตแพทย์ว่า ผู้เข้ารับการจัดฟัน เหมาะสมที่จะเข้ารับการรักษาด้วยการจัดฟันรูปแบบไหน นอกจากนี้การจัดฟันก็มีเครื่องมือการจัดฟันหลากหลายรูปแบบ ซึ่งก็จะมีความแตกต่างกัน ยกตัวอย่างเช่น การจัดฟันแบบใส ก็จะมีเครื่องมือการจัดฟันที่มีลักษณะเป็นพลาสติกใส มีความบางและสามารถถอดออกได้อย่างง่ายได้ และก็จะมีวิธีการทำงานหรือการเคลื่อนของตัวฟันที่ไม่เหมือนกัน

แต่วันนี้ทางคลินิกเราจะมาพูดถึงเครื่องมือการจัดฟันในเด็ก ซึ่งเป็นนวัตกรรมด้านการจัดฟันรูปแบบใหม่ ที่เด็กตั้งแต่อายุ 12-15 ปี สามารถเข้ารับการจัดฟันได้ตั้งแต่อายุยังน้อย ถึงแม้ว่า เครื่องมือจัดฟันแบบถอดได้ ไม่ว่าจะแบบเหล็กติดแน่นหรือแบบใส จะมีข้อดีตรงที่ ผู้เข้ารับการจัดฟันสามารถแปรงฟันได้ง่ายและสังเกตไม่ค่อยเห็น แต่การที่มันถอดเข้าออกได้ ก็กลายเป็นข้อเสีย เพราะถ้าเด็กไม่ยอมสวมใส่ ซึ่งการจัดฟันแบบใสนั้น จะต้องมีวินัยในการใส่เครื่องมือ เพื่อให้ผลการรักษาเป็นไปตามที่ทันตแพทย์กำหนด ในขณะที่เครื่องมือการจัดฟันแบบติดแน่น จะอยู่ในปากตลอดเวลา เด็กเอาออกเองไม่ได้ เพียงแต่คุณพ่อคุณแม่ ต้องคอยกวดขันให้ลูกแปรงฟันให้สะอาด และระวังอย่าให้เครื่องมือหลุดเท่านั้นเอง เพียงเท่านี้การรักษาด้วยการจัดฟันก็จะเป็นประโยชน์แก่สุขภาพช่องปากและฟันสำหรับเด็กเป็นอย่างมากและจะส่งผลดีต่อบุคลิกภาพของบุตรหลานของท่านได้ในอนาคต


สำหรับเครื่องมือการจัดฟันในเด็กนั้น อย่างที่บอกไปแล้ว เด็กและวัยรุ่นส่วนใหญ่จะชื่นชอบสีสันของยางบนเหล็กจัดฟัน สนุกกับการเลือกสีสันยาง จึงทำให้การจัดฟันถือเป็นเทรนด์ยอดฮิตในหมู่วัยรุ่นกันเลยทีเดียว นอกจากจะได้รับความนิยมแล้ว การจัดฟันยังสามารถช่วยทำให้สุขภาพช่องปากและฟันของเราดีขึ้นด้วย  และที่สำคัญ เครื่องมือการจัดฟันแบบติดแน่น มีราคาที่ไม่แพง และแทบจะไม่มีข้อจำกัดในการรักษา สามารถเคลื่อนฟันได้หลากหลายมิติ มีประสิทธิภาพของเครื่องมือ ขึ้นอยู่กับความรู้และประสบการณ์ของทันตแพทย์ ในการประยุกต์ใช้งานของเครื่องมือเหล็กแบบติดแน่น จึงเป็นเครื่องมือจัดฟันที่มีความคุ้มค่า ดังนั้นจึงไม่แปลก ที่มันจะได้รับความนิยมมากที่สุด


ทั้งนี้เครื่องมือการจัดฟันสำหรับเด็ก ยังมีอีกหนึ่งประเภทนั่นก็คือ เครื่องมือการจัดฟัน EF Line ที่สามารถใช้รักษาได้ตั้งแต่เด็กที่มีอายุ 4-15 ปี ซึ่งเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการปรับเปลี่ยนโครงสร้างของใบหน้าด้วย ข้อนี้ถือเป็นจุดเด่นของเครื่องมือการจัดฟัน EF Line และนอกจากนี้เครื่องมือการจัดฟัน EF Line ยังสามารถช่วยแก้ปัญหากล้ามเนื้อที่มีการทำงานผิดปกติ ช่วยปรับตำแหน่งของลิ้น รวมถึงจัดการฟันให้อยู่ในตำแหน่งที่ควรจะเป็นตามธรรมชาติอีกด้วย อย่างไรก็ตาม การจัดฟันสำหรับเด็ก พ่อแม่ผู้ปกครองหลายท่าน อาจจะคิดว่าไม่สำคัญ แต่ต้องบอกเลยว่า การดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันตั้งแต่อายุยังน้อย ถือว่าเป็นผลดีต่อบุตรหลานของท่าน เพราะการที่เราดูแลรักษาความสะอาดของช่องปากและฟันตั้งแต่ยังเด็ก ก็จะทำให้เรามีลักษณะฟันที่ดีได้

หากพ่อแม่ท่านใด สนใจให้บุตรหลานของท่านเข้ารับการจัดฟันในเด็ก ก็สามารถติดต่อขอคำปรึกษาได้ที่คลินิกได้ เพราะทางเรามีทีมทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญในเรื่องของการจัดฟันในเด็ก มีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน และสามารถให้คำปรึกษาแนะนำในเรื่องของสุขภาพช่องปากและฟันของเด็กได้อย่างถูกต้อง เพราะเราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดี และมีรอยยิ้มที่สดใส สมวัย มีฟันที่สามารถบดเคี้ยวอาหารได้อย่างเต็มที่ ทำให้การรับประทานอาหารของลูกน้อยมีความสุขมากยิ่งขึ้น

2
หมอออนไลน์: โรคปวดเส้นประสาทใบหน้า (Trigeminal neuralgia/Tic douloureux)

โรคปวดเส้นประสาทใบหน้า หมายถึง อาการปวดที่เกิดจากความผิดปกติของเส้นประสาทสมองเส้นที่ 5 หรือเส้นประสาทไทรเจมินัล (trigeminal nerve) ซึ่งเลี้ยงบริเวณใบหน้าและศีรษะ ทำหน้าที่ควบคุมกล้ามเนื้อเกี่ยวกับการเคี้ยวอาหาร และรับความรู้สึกที่ตาและใบหน้า

พบได้ประมาณปีละ 4-5 คน ต่อประชากร 100,000 คน พบมากในผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี อาจพบได้น้อยในเด็กและวัยหนุ่มสาว พบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชายประมาณ 2 เท่า

เส้นประสาทสมองเส้นที่ 5 หรือเส้นประสาทไทรเจมินัล (trigeminal nerve) แยกเป็น 3 แขนงย่อย ได้แก่

แขนงบน หรือแขนงตา  ครอบคลุมบริเวณหน้าผาก ตา จมูก

แขนงกลาง หรือแขนงแก้ม ครอบคลุมบริเวณ เปลือกตาล่าง ข้างจมูก แก้ม เหงือก ริมฝีปาก ฟันบน

แขนงล่าง หรือแขนงขากรรไกร ครอบคลุมบริเวณ ขากรรไกร ฟันล่าง เหงือก ริมฝีปากล่าง

โรคปวดเส้นประสาทใบหน้า อาจเกิดอาการปวดในบริเวณใบหน้าที่มีแขนงเส้นประสาทไปเลี้ยงเพียงแขนงเดียว หรือมากกว่า 1 แขนงได้


สาเหตุ

ส่วนใหญ่ เกิดจากหลอดเลือดที่อยู่ใกล้กับเส้นประสาทไทรเจมินัลที่อยู่ตรงฐานของสมอง เคลื่อนเข้ามาสัมผัสหรือกดทับเส้นประสาทดังกล่าว ทำให้เส้นประสาททำงานผิดปกติ

ส่วนน้อยอาจเกิดจากความเสื่อมตามอายุ หรือเปลือกหุ้มเส้นประสาท (myelin sheath) เสื่อมจากโรคบางชนิด (เช่น multiple sclerosis) นอกจากนี้ยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่น เช่น มีก้อนเนื้องอกกดทับเส้นประสาทไทรเจมินัล มีความผิดปกติอื่น ๆ ในสมอง การบาดเจ็บหรือการผ่าตัดบริเวณใบหน้า

อาการ

มีอาการปวดแปลบคล้ายถูกไฟฟ้าช็อตหรือเข็มทิ่ม อย่างเฉียบพลันและรุนแรง นานครั้งละไม่กี่วินาทีถึง 2-3 นาที ในบริเวณใบหน้าที่เส้นประสาทไทรเจมินัลไปเลี้ยง ตำแหน่งที่ปวดบ่อย ได้แก่ แก้ม ขากรรไกร ฟัน เหงือก ริมฝีปาก ส่วนน้อยอาจปวดที่บริเวณตาและหน้าผาก มักเป็นที่ใบหน้าเพียงซีกใดซีกหนึ่ง (โอกาสที่เกิดขึ้นทั้งสองซีกพบได้น้อยมาก)

อาการปวดอาจอยู่ ๆ เกิดขึ้นมาเอง หรืออาจมีสิ่งกระตุ้น เช่น เวลายิ้ม พูด เคี้ยวอาหาร ดื่มน้ำหรือเครื่องดื่มที่ร้อนจัดหรือเย็นจัด ล้างหน้า แปรงฟัน โกนหนวด แต่งหน้า โดนสัมผัส โดนลม โดนแอร์ เคลื่อนไหวศีรษะ เป็นต้น

บางรายอาจมีอาการปวดเล็กน้อย รู้สึกแสบร้อน หรือมีอาการชา เสียวหรือซ่า ก่อนที่จะมีอาการปวดแปลบ

อาการปวดแปลบดังกล่าวอาจเกิดตรงจุดเดียว หรือแผ่กระจายเป็นบริเวณกว้างก็ได้ และมักเกิดขึ้นเป็นช่วง ๆ (นานครั้งละไม่กี่วินาทีถึง 2-3 นาที) อาจปวดนาน ๆ ครั้ง หรืออาจเป็น ๆ หาย ๆ อยู่เรื่อย ๆ วันละหลายครั้ง (ในรายที่เป็นรุนแรงอาจปวดวันละนับร้อยครั้ง) อาการอาจเป็นนานนับเป็นวัน เป็นสัปดาห์ เป็นเดือน หรือมากกว่า บางรายก็อาจมีช่วงที่ไม่มีอาการปวดไปนานเป็นแรมเดือนหรือแรมปีก่อนที่จะมีอาการกำเริบรอบใหม่

อาการปวดมักจะเป็นบ่อยขึ้นและรุนแรงขึ้นตามระยะของโรคที่เป็น

บางรายอาจมีจุดจำเพาะตรงใบหน้าที่เมื่อสัมผัสถูกจะกระตุ้นให้เกิดอาการปวดได้


ภาวะแทรกซ้อน

โรคนี้ไม่มีภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง แต่ถ้าปล่อยไว้ ไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้อง อาจทำให้เกิดความทุกข์ทรมานจากอาการปวดเรื้อรัง และเกิดภาวะซึมเศร้าได้ นอกจากนี้ อาจทำให้กระทบต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน โดยที่ต้องหลีกเลี่ยงกิจกรรมต่อมีผลกระตุ้นให้เกิดอาการ เช่น การเคี้ยวอาหาร ซึ่งอาจทำให้น้ำหนักลดในผู้ป่วยบางรายได้


การวินิจฉัย

แพทย์จะทำการวินิจฉัยจากการซักประวัติอาการเป็นหลัก ได้แก่ ลักษณะการปวด ตำแหน่งที่ปวด และสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดอาการ และทำการตรวจร่างกาย ซึ่งอาจพบบริเวณใบหน้าว่ามีตำแหน่งที่ปวดจากความผิดปกติของเส้นประสาทไทรเจมินัลแขนงใดบ้าง

แพทย์อาจทำการตรวจพิเศษเพิ่มเติม เช่น การถ่ายภาพสมองและศีรษะด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อแยกโรคนี้ออกจากโรคอื่น ๆ ที่อาจมีอาการคล้ายกัน (เช่น ไซนัสอักเสบ ความผิดปกติเกี่ยวกับฟันและช่องปาก) และค้นหาสาเหตุ (เช่น เนื้องอกในสมอง multiple sclerosis)

บางรายระหว่างทำ MRI แพทย์อาจทำการฉีดสี (magnetic resonance angiogram) ดูลักษณะหลอดเลือดที่ฐานสมอง


การรักษาโดยแพทย์

ในช่วงแรกแพทย์จะให้กลุ่มยารักษาโรคลมชักเพื่อบรรเทาอาการ ที่นิยมใช้คือ คาร์บามาซีพีน (carbamazepine) ส่วนยาตัวอื่นในกลุ่มนี้ที่แพทย์อาจเลือกใช้ เช่น เฟนิโทอิน (phenytoin), กาบาเพนทิน (gabapentin), กรดวาลโพอิก (valproic acid ), โทพิราเมต (topiramae) เป็นต้น เมื่อใช้ไปนาน ๆ อาจได้ผลน้อยลง แพทย์จะต้องคอยเพิ่มขนาด หรือเปลี่ยนไปใช้ยาตัวอื่น

บางรายแพทย์อาจให้ยาบาโคลเฟน (baclofen) ซึ่งเป็นยาคลายกล้ามเนื้อแบบเดี่ยว ๆ หรือร่วมกับยารักษาโรคลมชัก

ในรายที่ใช้ยาไม่ได้ผล แพทย์อาจเปลี่ยนไปใช้วิธีอื่น อาทิ

    การผ่าตัด เพื่อแก้ไขต้นเหตุ คือแยกหลอดเลือดที่กดทับเส้นประสาทออกไป (microvascular decompression) วิธีนี้ช่วยให้หายขาดได้ถึงร้อยละ 80-85
    การฉายรังสีแกมมา (brain stereotactic radiosurgery หรือ gamma knife) เพื่อทำลายเส้นประสาทไทรเจมินัล วิธีนี้ช่วยให้หายปวดได้เป็นส่วนใหญ่ และในรายที่โรคกำเริบ อาจทำซ้ำได้อีก ข้อเสียคือ มีผลข้างเคียง ทำให้ผู้ป่วยมีอาการชาบริเวณใบหน้าตลอดเวลา
    ทางเลือกอื่น ๆ เช่น การฉีดสารกลีเซอรอล (glycerol injection), การใช้บัลลูนบีบอัด (balloon compression), การแผ่รังสีความร้อนของคลื่นวิทยุ (radiofrequency thermal lesioning) เพื่อทำลายใยประสาทไทรเจมินัล เป็นต้น

ในรายที่ตรวจพบสาเหตุของโรคนี้ ก็จะให้การรักษาตามสาเหตุที่พบ เช่น ถ้าตรวจพบมีเนื้องอกที่กดทับเส้นประสาทไทรเจมินัล ก็จะทำการผ่าตัดออก เป็นต้น


การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น มีอาการปวดแปลบคล้ายถูกไฟฟ้าช็อตหรือเข็มทิ่มที่บริเวณใบหน้า เช่น แก้ม ขากรรไกร ริมฝีปาก ฟัน เหงือก เป็นต้น หรือมีอาการคล้ายปวดฟัน โดยตรวจไม่พบความผิดปกติของฟันที่ชัดเจน หรือได้รับการตรวจรักษาทางทันตกรรมแล้วไม่ดีขึ้น ควรปรึกษาแพทย์ 

เมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า ควรดูแลรักษาและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ และติดตามการรักษากับแพทย์ตามนัด

ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    มีอาการปวดกำเริบขึ้นใหม่
    ถ้ากินยาให้แล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น มึนงง ง่วงนอน คลื่นไส้ มีไข้ขึ้น มีลมพิษ ผื่นคัน ตุ่มพุพอง ตาบวม ปากบวม เป็นต้น
    ขาดยาหรือยาหาย
    มีความวิตกกังวล


การป้องกัน

โรคนี้ยังไม่มีวิธีป้องกันที่ได้ผล

สำหรับผู้ป่วยควรปฏิบัติตัวในการดูแลตนเองตามคำแนะนำของแพทย์ และหลีกเลี่ยงสิ่งที่กระตุ้นให้เกิดอาการปวด

ข้อแนะนำ

1. โรคนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อว่า "Tic douloureux" เนื่องจากผู้ป่วยบางราย เวลามีอาการรู้สึกเจ็บปวด เสียวสะดุ้ง อาจทำหน้าย่น หน้าเบะ หน้าบูดเบี้ยว หรือส่ายศีรษะเป็นพัก ๆ ตามจังหวะที่เกิดอาการปวด ทำให้ดูคล้ายมีอาการหน้ากระตุก (คำว่า tic แปลว่า กล้ามเนื้อกระตุก)

2. ผู้ที่เป็นโรคปวดเส้นประสาทใบหน้า อาจมีอาการเหมือนปวดเสียวฟัน เนื่องจากถูกกระตุ้นด้วยการแปรงฟัน การเคี้ยวอาหาร หรือการดื่มน้ำร้อนจัดหรือเย็นจัด จึงอาจไปหาทันตแพทย์ ซึ่งอาจตรวจไม่พบความผิดปกติ หรือหากบังเอิญพบมีความปกติเล็กน้อย (เช่น ฟันผุ) ก็อาจได้รับการทำฟันแล้วอาการปวดไม่ดีขึ้น กรณีเช่นนี้แนะนำให้ไปปรึกษาแพทย์ทางระบบประสาท

3. แม้ว่าโรคนี้มักมีอาการปวดที่รุนแรงและเรื้อรัง แต่ไม่มีภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรงแต่อย่างใด และสามารถรักษาให้หายได้เป็นส่วนใหญ่

3
โรคต้อเนื้อ/ต้อลิ้นหมา (Pterygium)

ต้อเนื้อ พบมากในประเทศเขตร้อน ที่ค่อนข้างแห้งแล้งและมีฝุ่นลมจัด จึงเป็นโรคที่พบได้บ่อยมากในบ้านเราในแทบทุกภาคของประเทศ แต่จะพบเป็นกันมากในภาคอีสาน

พบมากในผู้ที่มีอายุระหว่าง 30-55 ปี ไม่พบในเด็กที่อายุต่ำกว่า 14 ปี ผู้ชายและผู้หญิงมีโอกาสเป็นเท่า ๆ กัน

สาเหตุ

ต้อเนื้อเป็นเยื่อบุตาที่เกิดการเสื่อมและหนาตัวขึ้น ซึ่งสาเหตุที่แท้จริงยังไม่ทราบแน่ชัด พบว่าการถูกแสงแดด (อัลตราไวโอเลต) เป็นประจำเป็นปัจจัยที่สำคัญของการเกิดโรคนี้ นอกจากนี้การถูกลม ฝุ่น ควัน ความร้อน สารเคมี และมลพิษทางอากาศเป็นประจำก็อาจทำให้เกิดโรคนี้ได้ ดังนั้นต้อเนื้อจึงพบบ่อยในคนทำงานกลางแจ้ง ซึ่งถูกแดด ลม ฝุ่น เป็นประจำ (เช่น ชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน ชาวประมง คนงานก่อสร้าง นักกีฬากลางแจ้ง เป็นต้น) ส่วนน้อยอาจพบในผู้ที่มีอาชีพที่ต้องสัมผัสกับสิ่งระคายเคืองตาอื่น ๆ เช่น คนงานในโรงงาน (ถูกสารเคมี) คนทำครัว (ถูกควัน ไอร้อน) เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังพบว่าผู้ป่วยบางรายจะมีประวัติว่ามีพ่อแม่พี่น้องเป็นโรคนี้ด้วย จึงเชื่อว่าปัจจัยทางกรรมพันธุ์อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเกิดต้อเนื้อ


อาการ

จะเห็นแผ่นเนื้อเยื่อสามเหลี่ยมสีเหลือง ๆ ที่บริเวณตาขาวชิดตาดำ ส่วนมากจะเกิดที่ด้านหัวตา (ด้านในของตาส่วนที่อยู่ใกล้กับจมูก) ส่วนน้อยอาจพบที่หางตา ทั้งนี้เพราะส่วนของหัวตามีโอกาสกระทบกับสาเหตุต่าง ๆ ที่ทำให้เกิดต้อเนื้อมากกว่าส่วนหางตา ประกอบกับมีหลอดเลือดมาเลี้ยงในบริเวณหัวตามาก

บางครั้งหลังจากถูกลมถูกแสงมาก ๆ หรือนอนดึก อาจเห็นหลอดเลือดขยายมีลักษณะแดงเรื่อ ๆ

โดยทั่วไป ผู้ป่วยจะไม่รู้สึกมีอาการผิดปกติแต่อย่างใด นอกจากบางครั้งมีการอักเสบจะมีอาการเคืองตา น้ำตาไหล ตาแดง หรือมีอาการปวดเล็กน้อย

ในบางรายเมื่อเป็นนานเป็นแรมเดือนแรมปี ต้อเนื้ออาจยื่นเข้าไปถึงกลางตาดำทำให้บังสายตา ตามัว มองไม่ถนัด หรือเห็นภาพซ้อนได้

บางรายอาจมีต้อเนื้อที่หัวตาและหางตาพร้อมกัน

ผู้ป่วยอาจเป็นต้อเนื้อที่ตาเพียงข้างเดียวหรือ 2 ข้างก็ได้


ภาวะแทรกซ้อน

ส่วนมากไม่มีภาวะแทรกซ้อนแต่อย่างใด นอกจากอาการเคืองตา ตาแดง

ในรายที่ต้อเนื้องอกยื่นเข้าไปที่กระจกตา อาจทำให้กระจกตาเปลี่ยนรูป เกิดสายตาเอียงแทรกซ้อนได้ ทำให้มองไม่ชัด

  หากปล่อยไว้นานเป็นแรมปี ต้อเนื้อจะค่อย ๆ งอกลุกลามขึ้นช้า ๆ จนยื่นเข้าไปปิดตาดำจนมิด ก็อาจบังสายตาทำให้มองไม่ถนัดได้

ที่พบได้น้อยมากก็คือ การเกิดแผลเป็นที่กระจกตา เนื่องจากปล่อยให้มีการอักเสบของกระจกตาเรื้อรัง ซึ่งอาจต้องแก้ไขด้วยการผ่าตัดเปลี่ยนกระจกตา


การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยจากอาการ และการตรวจพบแผ่นเนื้อเยื่อสามเหลี่ยมสีเหลือง ๆ ที่บริเวณหัวตา (บางรายอาจมีที่หางตาร่วมด้วย)

บางรายแพทย์อาจทำการตรวจวัดสายตา ตรวจดูลักษณะของกระจกตา (ดูว่าทำให้สายตาเอียงหรือไม่) รวมทั้งอาจทำการถ่ายภาพของตาที่เป็นต้อเนื้อเก็บไว้เพื่อใช้เปรียบเทียบดูการเปลี่ยนแปลงของโรคในวันข้างหน้า


การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

1. ถ้าไม่มีอาการอักเสบและต้อเนื้อยังไม่ยื่นเข้ากระจกตา ก็ไม่ต้องให้การรักษาใด ๆ แนะนำให้ผู้ป่วยหลีกเลี่ยงแสงแดด ลม ฝุ่น ควัน ไอร้อน และสิ่งระคายเคืองตาต่าง ๆ ถ้าต้องออกกลางแดด ควรสวมแว่นตาดำที่สามารถกันแสงอัลตราไวโอเลต และหมั่นหยอดน้ำตาเทียม เพื่อป้องกันมิให้ต้อเนื้อลุกลาม

2. ถ้ามีการอักเสบ เคืองตา ให้ใช้ยาหยอดตาลดการอักเสบเป็นครั้งคราว ถ้าไม่ได้ผลหรืออักเสบมาก แพทย์อาจให้ใช้ยาหยอดตาสเตียรอยด์ ซึ่งจะใช้เท่าที่จำเป็น เมื่อดีขึ้นก็หยุดใช้ ถ้าใช้ติดต่อกันนาน ๆ อาจทำให้เป็นต้อหินเรื้อรังได้

3. ในรายที่ต้อเนื้อยื่นเลยขอบตาดำเข้าไปสัก 3-4 มม. หรือมีสายตาเอียงเกิดขึ้น แพทย์จะทำการผ่าตัดลอกออก ซึ่งมีอยู่หลายวิธีที่แพทย์เลือกใช้ให้เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละราย เช่น การลอกต้อเนื้อแบบธรรมดา (simple excision), การลอกต้อเนื้อและใช้เยื่อบุตาของผู้ป่วยเองแปะ (conjunctival  auto-grafting), การลอกต้อเนื้อและใช้เยื่อถุงน้ำคร่ำแปะ (amniotic membrane transplantation)

เนื่องจากผู้ป่วยที่ผ่าตัดลอกต้อเนื้อออกแล้วมีโอกาสเป็นต้อเนื้อกำเริบคืนกลับมาได้อีก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ป่วยที่แพทย์ผ่าตัดการลอกต้อเนื้อแบบธรรมดา เพื่อป้องกันการคืนตัวของต้อเนื้อ แพทย์อาจพิจารณาให้การรักษาเพิ่มเติมในผู้ป่วยบางรายเพื่อป้องกันการคืนตัวของต้อเนื้อ ด้วยการฉายรังสีบีตา (external beta radiation therapy) และ/หรือใช้ยาบางชนิด (เช่น Mitomycin-C) หยอดหลังผ่าตัด

และหลังการรักษาผู้ป่วยควรหลีกเลี่ยงการถูกลม แดด ฝุ่น ควัน และไอร้อน เพื่อป้องกันต้อเนื้อกำเริบขึ้นใหม่ 

ในรายที่มีต้อเนื้อกำเริบหลังผ่าตัด แพทย์จะทำการผ่าตัดลอกต้อซ้ำอีก ซึ่งมักจะหายขาดได้

การดูแลตนเอง

หากสงสัยเป็นต้อเนื้อ  ควรปรึกษาแพทย์

เมื่อตรวจพบว่าเป็นต้อเนื้อ ควรดูแลตนเอง ดังนี้

    รักษา ใช้ยา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ 
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    พยายามหลีกเลี่ยงการถูกแดด ลม ฝุ่น ควัน ไอร้อน และสิ่งระคายเคืองตาอื่น ๆ
    สวมแว่นตากันแดด กันลม กันฝุ่น เวลาออกไปในที่กลางแจ้งที่มีแดดจ้า ลม หรือฝุ่น


ควรกลับไปพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

    ดูแลรักษาแล้ว ยังมีอาการเคืองตา ตาแดง หรือตาอักเสบ
    มีอาการมองเห็นไม่ชัด หรือสงสัยสายตาเอียง
    ต้อเนื้อลุกลามเข้าไปในตาดำ 
    ขาดยา หรือยาหาย
    ในรายที่แพทย์ให้ยากลับไปกินต่อที่บ้าน ใช้ยาแล้วสงสัยเกิดผลข้างเคียงจากยา เช่น คันตา ตาแดง ตาบวม หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ

การป้องกัน

    พยายามหลีกเลี่ยงการถูกแดด ลม ฝุ่น ควัน ไอร้อน และสิ่งระคายเคืองตาอื่น ๆ
    เวลาออกไปทำงานในที่กลางแจ้ง หากมีแสงแดดจ้า ควรสวมแว่นตาดำที่สามารถกันแสงอัลตราไวโอเลต หากมีลมหรือฝุ่น ควรสวมแว่นที่สามารถใช้กันแดด กันลม และกันฝุ่นได้
    หมั่นใช้น้ำตาเทียมหยอดตาหลังจากออกไปในที่กลางแจ้ง หรือสัมผัสสิ่งระคายเคือง หรือเวลารู้สึกเคืองตา แสบตา ตาแห้ง

ข้อแนะนำ

1. บางรายอาจมีตุ่มนูนสีขาวเหลืองรูปสามเหลี่ยมหรือหลายเหลี่ยมเล็ก ๆ เกิดขึ้นตรงขอบตาดำด้านหัวตาหรือหางตา (ตรงกับบริเวณที่เป็นต้อเนื้อ) ซึ่งมักเป็นที่ตา 2 ข้าง เรียกว่า ต้อลม (pinguecula) มีสาเหตุเช่นเดียวกับต้อเนื้อ ส่วนใหญ่มักจะไม่ลุกลามเข้าตาดำ และไม่ต้องให้การรักษาแต่อย่างใด นอกจากบางครั้งอาจมีอาการอักเสบเคืองตา ก็ให้ใช้ยาหยอดตาแก้อักเสบเช่นเดียวกับต้อเนื้อ

ส่วนการผ่าตัดลอกออกนั้น แพทย์มักจะไม่แนะนำให้ทำ เพราะอาจทำให้เกิดรอยแผลเป็นไม่สวยงาม และมักกลับกำเริบขึ้นใหม่อีก

2. ทั้งต้อเนื้อและต้อลมเป็นโรคที่ไม่มีอันตรายแต่อย่างใด และไม่มียาที่ใช้กัดต้อเนื้อให้หลุดได้ (ไม่ว่าจะเป็นยาแผนปัจจุบัน หรือแผนโบราณก็ตาม) และที่สำคัญผู้ป่วยต้องหลีกเลี่ยงการซื้อยาหยอดตาที่มีตัวยาสเตียรอยด์ผสมมาใช้เอง เนื่องเพราะหากใช้ติดต่อกันนาน ๆ อาจกลายเป็นต้อหินตาบอดได้

4
จัดฟันบางนา: ฟันโยก อันตราย ควรรับมืออย่างไร ?

เชื่อว่าหลายๆท่านต้องผ่านเหตุการณ์ฟันโยกมาแล้วทุกท่าน เนื่องจากว่าฟันโยกนั้นมีทั้งเกิดขึ้นตามธรรมชาติในช่วงวัยเปลี่ยนผ่านจากฟันน้ำนมเป็นฟันแท้ซึ่งไม่ได้มีอันตรายแต่อย่างใด แต่ฟันโยกอีกรูปแบบหนึ่งที่เกิดขึ้นจากอาการผิดปกติในช่องปากไม่ว่าจะเป็น เหงือก หรือ ฟัน อันนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในสัญญาณที่อันตราย ซึ่งควรที่จะได้รับการรักษาหรือแก้ไข ไม่เช่นนั้นท่านอาจจะต้องสูญเสียฟันแท้ที่สวยงามและแข็งแรงตามธรรมชาติไปนั่นเอง

ซึ่งในวันนี้จะขอพาท่านผู้อ่านมาทำความรู้จักกับฟันโยกให้มากขึ้น เพื่อให้ท่านได้ทราบถึงสาเหตุเป็นสัญญาณเตือนท่านไปด้วยในตัว โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้


ฟันโยก คืออะไร ?

ฟันโยก ก็คือ อาการฟันคลอนซึ่งมีลักษณะใกล้จะหลุดออกจากเหงือกสามารถขยับไปมาได้ ถือได้ว่าเป็นธรรมชาติหากเกิดขึ้นกับเด็กที่กำลังจะมีฟันแท้ แต่เป็นสัญญาณเตือนความผิดปกติของช่องปากที่สำคัญสำหรับผู้ใหญ่ที่มีฟันแท้ครบแล้วทั้ง 32 ซี่ ซึ่งหากว่าพบอาการฟันโยกในผู้ใหญ่ทางที่ดีที่สุดก็คือให้รีบเข้าพบทันตแพทย์ เพื่อให้ตรวจสอบวินิจฉัยถึงสาเหตุของการเกิดฟันโยกโดยเร็วที่สุด จะได้ทำการรักษาได้ทันท่วงทีนั่นเอง


ฟันโยก เกิดจากอะไร ?

ฟันโยก เกิดขึ้นได้จากหลายๆสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นรูปแบบการโยกตามธรรมชาติ หรือเพราะอุบัติเหตุที่มีการกระทบกระแทกฟันรุนแรง รวมถึงช่องปากเริ่มมีอาการผิดปกติ โดยมีรายละเอียดมากมายดังต่อไปนี้

– พัฒนาการตามวัย

ถือได้ว่าเป็นเรื่องธรรมชาติของเด็กเล็กๆ สำหรับข้อนี้ไม่ต้องมีความกังวลใจใดๆ เพราะ ฟันโยกถือว่าเป็นช่วงหนึ่งของพัฒนาการตามวัยที่ฟันน้ำนมจะค่อยๆโยกและหลุดออกเพื่อเปิดช้องว่างโดยจะถูกแทนที่ด้วยฟันแท้

– การกัดฟัน

หากว่าคนที่นอนกัดฟัน หรืออาจจะกัดฟันแรงๆในเหตุการณ์ต่างๆ การกดทับที่รุนแรงของการกัดฟัน ก็สามารถที่จะทำให้เอ็นยึดปริทันต์และเนื้อเยื่อรอบๆฟันยืดขยายตัว ส่งผลให้เกิดฟันโยกและปัญหาสุขภาพอื่นๆได้ เช่น ปวดบวมตามใบหน้า ปวดศีรษะรุนแรง เป็นต้น

– โรคเหงือก

ฟันโยกอาจจะเป็นสัญญาณเตือนหนึ่งของโรคเหงือกขั้นรุนแรง หรือโรคปริทันต์ ภัยร้ายแรงเกี่ยวกับเหงือกที่หลายๆท่านหวาดกลัว ซึ่งโรคปริทันต์นี้จะเกิดขึ้นได้จากการติดเชื้อภายในเหงือกรวมถึงเนื้อเยื่อและกระดูกใกล้เคียงกับฟันที่โยก ซึ่งโรคปริทันต์นี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในโรคที่ทำให้ฟันโยกมากที่สุด ซึ่งโรคปริทันต์เกิดจากการสะสมของเชื้อแบคทีเรียที่ฟัน บริเวณของเหงือกหรือที่เรียกว่า หินปูน

– ฮอร์โมน

ในขณะตั้งครรภ์ฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนและเอสโตเจนจะอยู่ในระดับที่สูงขึ้นมากกว่าปกติ ส่งผลให้เอ็นยึดติดปริทันต์ และส่วนของกระดูกที่อยู่รอบๆฟันอ่อนแอลง ซึ่งทำให้ฟันของท่านเกิดอาการโยกได้เช่นกัน ซึ่งในกรณีนี้จะเป็นแค่การโยกชั่วคราวเท่านั้น นอกจากจะมีโรคอื่นร่วมด้วยเช่น โรคปริทันต์

– อุบัติเหตุ

ประสบอุบัติเหตุไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่ หากเป็นการกระทบกระเทือนฟันรุนแรง ก็อาจจะทำให้เกิดฟันโยกได้เช่นกัน เนื่องจากว่าการกระแทกอย่างรุนแรงนั้นจะสามารถทำให้เอ็นยึดปริทันต์และเนื้อเยื่อรอบๆฟันเกิดการยืดขยายได้มากขึ้น ทำให้เกิดฟันโยกคลอนนั่นเอง

เบื้องต้นดังที่ได้กล่าวมา ฟันโยก อาจจะเกิดขึ้นได้จากหลายๆสาเหตุ แต่ฟันโยกก็ยังถือได้ว่าเป็นสัญญาณอันตรายที่คอยเตือนเรา เนื่องจากฟันโยกในวัยผู้ใหญ่ที่มีฟันแท้ครบ 32 ซี่นั้น มักจะมีโรคเหงือกและกระดูก รวมถึงเนื้อเยื่อมรอบฟันเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งหากว่าปล่อยทิ้งไว้นานโดยที่ไม่ได้ใส่ใจ ก็อาจจะทำให้แก้ไขได้ยากขึ้น หรือสุดท้ายอาจจะต้องสูญเสียฟันแท้ตามธรรมชาติไปเลยก็เป็นได้

ท้ายที่สุดนี้หากว่าท่านพบว่าฟันในช่องปากมาอาการโยก ควรที่จะรีบปรึกษาทันตแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ทำการตรวจสอบวินิจฉัย เพื่อจะได้ทำการรักษาก่อนที่จะกลายเป็นเรื่องใหญ่โตจนยากที่จะทำการรักษาต่อไปนั่นเอง

5
งานฝีมือ ทำที่รองแก้ววิธีที่ง่าย สำหรับคนเริ่มทำครั้งแรก

สำหรับมือใหม่ที่อยากลองทำที่รองแก้วง่ายๆ และใช้เวลาไม่นาน ลองใช้วิธีต่อไปนี้ดูนะคะ

เทคนิคการทำที่รองแก้วจากกระเบื้องดินเผา

วิธีนี้ง่ายและได้ผลลัพธ์ที่สวยงามเหมือนซื้อมาเลยค่ะ

วัสดุ:

กระเบื้องดินเผา (แบบไม่เคลือบ) ขนาด 4x4 นิ้ว

สีอะคริลิก

พู่กัน

น้ำยาเคลือบใส (Matte หรือ Glossy)

กาวติดผ้าสักหลาด (Felt)

แผ่นสักหลาด (ตัดเป็นสี่เหลี่ยมขนาดเล็ก)


วิธีทำ:

ทำความสะอาดกระเบื้อง: ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดกระเบื้องให้สะอาดและปล่อยให้แห้งสนิท

ระบายสี: ใช้พู่กันระบายสีอะคริลิกลงบนกระเบื้องตามที่คุณต้องการ อาจจะใช้สีเดียว, ไล่เฉดสี, หรือวาดลวดลายง่ายๆ ก็ได้

เคลือบน้ำยา: เมื่อสีแห้งแล้ว ให้เคลือบด้วยน้ำยาเคลือบใส 1-2 ชั้น เพื่อป้องกันน้ำและความร้อน

ติดแผ่นสักหลาด: หลังจากที่น้ำยาเคลือบแห้งสนิทแล้ว ให้ติดแผ่นสักหลาดขนาดเล็ก 4 มุมที่ด้านล่างของกระเบื้อง เพื่อป้องกันการขูดขีดโต๊ะ

เทคนิคการทำที่รองแก้วจากไม้

วิธีนี้เหมาะสำหรับคนที่ชอบวัสดุจากธรรมชาติ


วัสดุ:

แผ่นไม้บาง (ขนาด 4x4 นิ้ว) หรือแผ่นไม้ที่ตัดเป็นรูปทรงกลม

กระดาษทราย

สีไม้หรือสีอะคริลิก (ถ้าต้องการ)

น้ำยาเคลือบไม้ (Wood Varnish)


วิธีทำ:

ขัดผิวไม้: ใช้กระดาษทรายขัดผิวไม้ให้เรียบเนียน

ระบายสี (ถ้าต้องการ): ถ้าอยากได้ลวดลายหรือสีสัน ก็สามารถใช้สีเพ้นท์ไม้ระบายลงไปได้เลย

เคลือบไม้: เคลือบด้วยน้ำยาเคลือบไม้ 2-3 ชั้น เพื่อให้ที่รองแก้วกันน้ำและทนทาน

เมื่อทำที่รองแก้วด้วยตัวเองแล้ว นอกจากจะได้ของใช้ที่สวยงามไม่เหมือนใคร ยังสามารถนำไปมอบเป็นของขวัญให้เพื่อนๆ ได้อีกด้วยค่ะ

6
วิธีสร้างรายได้จากครัวที่บ้านด้วยการตลาดออนไลน์ เปลี่ยนความหลงใหลให้กลายเป็นธุรกิจ

การเติบโตของแพลตฟอร์มออนไลน์ได้เปิดโอกาสมากมายให้กับผู้ปรุงอาหารที่บ้านและผู้ที่ชื่นชอบอาหารในการเปลี่ยนความหลงใหลของตนให้กลายเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการทำเบเกอรี่ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเตรียมอาหาร หรือผู้ผลิตซอสโฮมเมด การตลาดออนไลน์สามารถช่วยให้คุณเข้าถึงลูกค้าและสร้างรายได้โดยตรงจากห้องครัวของคุณได้

การสร้างรายได้จากครัวที่บ้านและการตลาดออนไลน์เป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการเริ่มต้นธุรกิจของคุณเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคดิจิทัลที่ผู้คนนิยมสั่งอาหารออนไลน์มากขึ้น นี่คือวิธีเริ่มต้น:

1. ระบุกลุ่มเป้าหมายของคุณ
ก่อนที่จะเริ่มธุรกิจเกี่ยวกับครัวที่บ้าน คุณควรพิจารณาว่าอะไรที่ทำให้ผลิตภัณฑ์ของคุณมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ลองพิจารณาเชี่ยวชาญในด้านต่อไปนี้:
เบเกอรี่โฮมเมด (เค้ก คุกกี้ ขนมปัง)
บริการเตรียมอาหาร (อาหารเพื่อสุขภาพ ทางเลือกสำหรับผู้ควบคุมอาหาร)
ซอสหรือเครื่องปรุงรสพิเศษ
ผลิตภัณฑ์อาหารอินทรีย์หรือจากแหล่งท้องถิ่น
กลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีความชัดเจนจะช่วยให้คุณโดดเด่นในตลาดที่มีการแข่งขันและดึงดูดลูกค้ากลุ่มเป้าหมายได้

2. สร้างการปรากฏตัวออนไลน์ที่แข็งแกร่ง
การมีตัวตนทางออนไลน์ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการทำตลาดธุรกิจเครื่องครัวในบ้านของคุณ นี่คือวิธีสร้างตัวตนทางออนไลน์:

สร้างเว็บไซต์
เว็บไซต์ทำหน้าที่เป็นหน้าร้านออนไลน์ของคุณ ซึ่งลูกค้าสามารถเรียกดูเมนู สั่งซื้อ และเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับธุรกิจของคุณได้ ใช้แพลตฟอร์มเช่น Shopify, Wix หรือ WordPress เพื่อสร้างเว็บไซต์ที่น่าดึงดูดและใช้งานได้จริง

ใช้ประโยชน์จากโซเชียลมีเดีย
แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น Facebook, Instagram และ TikTok เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการโปรโมตผลิตภัณฑ์ของคุณ ลองพิจารณาสิ่งต่อไปนี้:

โพสต์รูปภาพและวิดีโอคุณภาพสูงของอาหารของคุณ
การแบ่งปันคำรับรองและบทวิจารณ์ของลูกค้า
การจัดโปรโมชั่นหรือแจกของรางวัลเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วม
การใช้แฮชแท็กและการกำหนดเป้าหมายในพื้นที่เพื่อเข้าถึงลูกค้าเป้าหมาย
3. ใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มการจัดส่งอาหารออนไลน์
การลงทะเบียนบนแพลตฟอร์มจัดส่งอาหาร เช่น UberEats, GrabFood หรือบริการจัดส่งในพื้นที่สามารถกระตุ้นยอดขายได้อย่างมาก หากคุณต้องการวิธีการจัดส่งโดยตรง การให้บริการจัดส่งผ่านเว็บไซต์หรือโซเชียลมีเดียก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง

4. เสนอตัวเลือกการสั่งซื้อและชำระเงินออนไลน์
ทำให้ลูกค้าสามารถสั่งซื้อได้ง่ายขึ้นโดยการผสานรวมระบบการชำระเงินออนไลน์ เช่น PayPal, Stripe หรือการโอนเงินผ่านธนาคาร ความสะดวกนี้จะช่วยกระตุ้นให้ลูกค้าซื้อสินค้าจากคุณมากขึ้น

5. ใช้การตลาดผ่านอีเมล์และ SMS
สร้างฐานข้อมูลลูกค้าและส่งโปรโมชั่น ข้อเสนอพิเศษ หรือการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ทางอีเมลหรือ SMS วิธีนี้จะทำให้ลูกค้านึกถึงธุรกิจของคุณและกระตุ้นให้เกิดการซื้อซ้ำ

6. ร่วมมือกับผู้มีอิทธิพลและบล็อกเกอร์
การร่วมมือกับบล็อกเกอร์ด้านอาหาร ผู้มีอิทธิพลทางความคิด หรือผู้ใช้ YouTube อาจช่วยเพิ่มการรับรู้เกี่ยวกับแบรนด์ได้ บทวิจารณ์เชิงบวกหรือการกล่าวถึงอย่างเหมาะสมสามารถดึงดูดผู้เข้าชมมายังธุรกิจของคุณได้

7. ขายผ่านตลาดออนไลน์
ลองลงรายการผลิตภัณฑ์ของคุณบนแพลตฟอร์มเช่น Etsy (สำหรับสินค้าอบและอาหารพิเศษ) Amazon หรือ Facebook Marketplace เพื่อขยายการเข้าถึงของคุณให้ไกลออกไปนอกกลุ่มลูกค้าในพื้นที่

8. ลงโฆษณาแบบจ่ายเงิน
หากคุณต้องการขยายธุรกิจอย่างรวดเร็ว การลงโฆษณาแบบกำหนดเป้าหมายบน Facebook, Instagram และ Google จะช่วยดึงดูดผู้เข้าชมและยอดขายได้มากขึ้น ตั้งค่าโฆษณาด้วยภาพที่น่าสนใจและข้อเสนอที่น่าสนใจเพื่อดึงดูดผู้ซื้อ

การเปลี่ยนครัวในบ้านของคุณให้กลายเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้ง่ายกว่าที่เคยด้วยการตลาดออนไลน์ ด้วยการใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มดิจิทัล โซเชียลมีเดีย และบริการจัดส่งอาหาร คุณสามารถเพิ่มฐานลูกค้าที่ภักดีและสร้างรายได้ที่สม่ำเสมอได้ เริ่มจากสิ่งเล็กๆ เน้นที่คุณภาพ และใช้กลยุทธ์การตลาดเพื่อขยายธุรกิจของคุณในระยะยาว


7
หมอออนไลน์: ไขมันพอกตับ (Fatty liver disease)

โรคนี้แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่

1. ไขมันพอกตับจากแอลกอฮอล์ (Alcoholic fatty liver disease/AFLD) เกิดจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จัด*

2. ไขมันพอกตับที่ไม่เกี่ยวกับแอลกอฮอล์ (Non-alcoholic fatty liver disease/NAFLD) พบในผู้ที่ไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จัด ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคที่ชัดเจน แต่พบว่ามีปัจจัยเสี่ยงที่พบบ่อย ได้แก่ ภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วน เบาหวานชนิดที่ 2 ไขมัน (ไตรกลีเซอไรด์/แอลดีแอลคอเลสเตอรอล) ในเลือดสูง กลุ่มอาการถุงน้ำรังไข่หลายถุง ซึ่งมีภาวะดื้อต่ออินซูลิน (insulin resistance) กลุ่มอาการเมแทบอลิก (metabolic syndrome)** ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ

นอกจากนี้ ยังอาจพบในผู้ป่วยตับอักเสบจากไวรัสซี ผู้ป่วยที่มีภาวะขาดไทรอยด์หรือภาวะต่อมใต้สมองทำงานน้อย ผู้ป่วยที่ผ่าตัดถุงน้ำดี หรือมีการใช้ยาบางชนิด เช่น สเตียรอยด์, อะมิโอดาโรน (amiodarone), ทาโมซิเฟน (tamoxifen), เมโทเทรกเซต (methotrexate) เป็นต้น

ที่พบได้น้อยแต่รุนแรง คือ ภาวะตั้งครรภ์ ซึ่งมักเกิดในไตรมาสที่ 3 ของการตั้งครรภ์ (แพทย์จำเป็นต้องให้การรักษาและช่วยให้คลอดบุตรให้เร็วที่สุด หลังคลอดภาวะไขมันพอกตับจะหายเป็นปกติ)

*ดื่มสัปดาห์ละ 15 ดื่มมาตรฐานหรือมากกว่า (สำหรับผู้ชาย) หรือ 8 ดื่มมาตรฐานหรือมากกว่า (สำหรับผู้หญิง)   

1 ดื่มมาตรฐาน มีแอลกอฮอล์หนัก 10 กรัม ดูความหมายของแอลกอฮอล์ปริมาณ 1 ดื่มมาตรฐานในโรคความดันโลหิตสูง

มีงานวิจัยในประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าผู้ชายที่ดื่มแอลกอฮอล์ วันละ 40-80 กรัม และผู้หญิงที่ดื่มแอลกอฮอล์ วันละ 20-40 กรัม นานกว่า 10-12 ปี มีความเสี่ยงสูงต่อการเป็นโรคตับที่รุนแรง

**หมายถึง ภาวะที่มีอาการอย่างน้อย 3 จาก 5 ประการดังต่อไปนี้ (1) ภาวะอ้วนลงพุง (ผู้ชายถ้ามีรอบเอวตั้งแต่ 90 เซนติเมตรขึ้นไป ผู้หญิงถ้ามีรอบเอวตั้งแต่ 80 เซนติเมตรขึ้นไป), (2) ความดันโลหิตสูงกว่าปกติ (มีค่าตั้งแต่ 130/85 มิลลิเมตรปรอทขึ้นไป), (3) น้ำตาลในเลือดสูง (มีระดับน้ำตาลในเลือดขณะอดอาหารตั้งแต่ 100 มิลลิกรัม/เดซิลิตรขึ้นไป), (4) ไตรกลีเซอไรด์ในเลือดสูง (ตั้งแต่ 150 มิลลิกรัม/เดซิลิตรขึ้นไป) และ (5) เอสดีแอลคอเลสเตอรอล (HDL) ในเลือดต่ำ (น้อยกว่า 40 มิลลิกรัม/เดซิลิตรในผู้ชาย หรือน้อยกว่า 50 มิลลิกรัม/เดซิลิตรในผู้หญิง)

8
บอกต่อ รถขนของไปต่างจังหวัด รถรับจ้างขนของจังหวัดนนทบุรี สนใจสอบถามได้

รถรับจ้างจังหวัดนนทบุรี ของขนส่ง ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ให้บริการเรื่องรถรับจ้าง ที่บริการด้วยงานคุณภาพของแท้ ไม่หลอกลวง สำหรับรถรับจ้างทุกคันของที่นี้ ก็มีหลากหลายประเภท แตกต่างกันไป อย่างเช่น รถกระบะรับจ้างจังหวัดนนทบุรี รถ4ล้อใหญ่รับจ้างจังหวัดนนทบุรี รถ 6 ล้อรับจ้างจังหวัดนนทบุรี รถ10ล้อรับจ้างจังหวัดนนทบุรี รถเฮี๊ยบรับจ้างจังหวัดนนทบุรี รถพ่วงรับจ้างจังหวัดนนทบุรี รถขนของจังหวัดนนทบุรี รถรับจ้างขนย้ายบ้านจังหวัดนนทบุรี

และรถประเภทอื่นๆ อีกมากมาย บริการรถรับจ้าง จังหวัดนนทบุรี ไม่ได้มีให้บริการเฉพาะเขตพื้นที่นนทบุรีเพียงเท่านั้น เพราะเราบริการงานรถขนของที่ครอบคลุม แต่ยังมี บริการขนย้ายของนนทบุรี ไปที่จังหวัดต่างๆ หรือในเขตพื้นที่ๆอยู่บริเวณใกล้เคียงจังหวัดนนทบุรีไม่ว่าระยะทาง จะไกลหรือใกล้เราไม่หวั่น และพร้อมที่จะให้บริการอย่างเต็มที่

รถรับจ้างนนทบุรี ก็มีบริการ ไม่ใช่แค่บริการเรื่องรถรับจ้างเพียงอย่างเดียว ยังมีทีมงานยกของคุณภาพดี ที่รับรองว่าคุ้มค่าอย่างแน่นอน เรามีประสบการณ์ในเรื่องการขนย้ายต่างๆ เยอะแยะมากมากยกตัวอย่างเช่น รับจ้างขนของย้ายบ้าน ขนของย้ายห้องพักนักศึกษา ขนย้ายอุปกรณ์สำนักงานต่างๆ ขนย้ายสินค้าต่างๆ ย้ายเครื่องจักร ย้ายคอนโด ย้ายเฟอร์นิเจอร์ เป็นต้นค่ะหากพูดถึงในเรื่องของการขนย้ายนั้น สำหรับหลายคนก็คงไม่มีความชำนาญในเรื่องการโยกย้ายของมากนักนั่นเป็นเรื่อง

จริงอย่างปฏิเสธไม่ได้ เราจึงอยากได้บริการ รถรับจ้างขนของ ที่ครบครัน รถรับจ้างพร้อมทีมงานยกคุณภาพดีและพูดจาดี พูดจาไพเราะ สุภาพมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดี  มีหน้าตาที่ยิ้มแย้มแจ่มใส แต่งกายสุภาพ เรียบร้อย ลูกค้าคือคนสำคัยของเรา ถ้าอยากจะทราบเรื่องรายละเอียด ก็สามารถโทรมาสอบถามเรื่องราคาค่าขนส่ง กับพนักงานหรือทักไลน์ไปสอบถามก็ได้เหมือนกันนะค่ะ รถขนของจังหวัดนนทบุรี ของเรา บริการดุญาติมิตร ยินดีให้บริการลูกค้าเสมอค่ะ รับจ้างขนของจังหวัดนนทบุรี

เขตพื้นที่งานบริการอยู่ในขณะนี้ ได้แก่

    รถขนของ รับจ้างขนของอำเภอ เมืองนนทบุรี
    รถขนของ รับจ้างขนของอำเภอ ไทรน้อย
    รถขนของ รับจ้างขนของอำเภอ บางกรวย
    รถขนของ รับจ้างขนของอำเภอ บางบังทอง
    รถขนของ รับจ้างขนของอำเภอบางใหญ่
    รถขนของ รับจ้างขนของอำเภอ ปากเกร็ด
    รถขนของ รับจ้างขนของอำเภอ งามวงศ์วาน
    รถขนของ รับจ้างขนของอำเภอ  ม.เกษตร
    รถขนของ รับจ้างขนของอำเภอ หลักสี่
    รถขนของ รับจ้างขนของถนน 345

แนะนำสถานที่เที่ยวในจังหวัดนนทบุรี มีที่ไหนบ้าง

1.สุเหร่าแดง หรือมัสยิดดารุ้ลอาบีดีน

2.ตลาดน้ำประชารัฐสวนบัว

3.สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์

4.พิพิธภัณฑ์บ้านดุริยางคศิลปิน มนตรี ตราโมท

5.วัดบางจาก

หาสถานที่สวยๆลองแวะมาเที่ยวจังหวัดนนทบุรีกันเยอะๆนะคะ รถขนของนนทบุรี ขอบคุณมากนะคะ

9
รถกระบะรับจ้างโคราช ราคาเท่าไหร่ ย้ายหอ รถหกล้อรับจ้าง ต้องการคนยกด้วย

รถกระบะรับจ้างโคราช ราคาเท่าไหร่ รู้ราคาง่ายๆ ถามได้ตลอด

เดี๋ยวนี้การที่เราจะหาข้อมูลราคาค่าบริการว่า รถกระบะรับจ้างโคราช ราคาเท่าไหร่ นั้นมีข้อมูลจากหลายๆ ที่มากมายที่ให้ข้อมูลและให้บริการความรู้ด้านนี้ให้กับผู้ใช้บริการในทุกๆคนที่มีความสนใจที่ต้องการอยากจะใช้บริการในขณะนั้น ซึ่งไม่ว่างานไหนๆ เช่นงาน ขนย้ายหอ ขนย้ายบ้าน ขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ ขนย้ายออฟฟิศสำนักงาน ขนย้ายไซด์งานก่อสร้าง ขนย้ายสินค้าอุปโภคบริโภค ในพื้นที่จังหวัดโคราช หรือขนย้ายของจากโคราชไปต่างจังหวัดก็มีข้อมูลในการเสนอราคามากมาย หนึ่งในนั้นก็จะมี ขนส่ง ซึ่งเราจะมีรายละเอียดที่ชัดเจน ให้กับลูกค้าที่ต้องการอยากจะทราบราคาค่าบริการ รถกระบะรับจ้างจังหวัดโคราช ราคาเท่าไหร่

เราจะคำนวณจากระยะทางในการขนย้ายว่าอยู่ในเขตพื้นที่ไหน อยู่อำเภออะไร ขนย้ายไปที่ไหนและที่สำคัญลูกค้าต้องการคนยกด้วยหรือไม่ ซึ่งข้อมูลทั้งหมดเหล่านี้จะมาประกอบรวมกันในการเสนอราคาค่าบริการ และจะทำการเสนอราคาส่วนลดให้กับลูกค้า ที่มีความต้องการอยากจะใช้บริการจริงๆ หรือวางแผนงบประมาณในการขนย้ายในราคาที่จำกัด เราก็พร้อมที่จะให้ข้อมูลและลดราคาให้กับลูกค้าได้ในทุกคนที่สนใจ อยากจะใช้ รถกระบะรับจ้างจังหวัดนครราชสีมา ของเราสอบถามมาที่ขนส่งได้เลยนะคะ

   
รถขนของจังหวัดนครราชสีมาไปต่างจังหวัด

ในปัจจุบันนี้การที่ รถรับจ้างขนของ เราจะขนย้ายของหรือขนย้ายสินค้าทั้งมีปริมาณมากและปริมาณน้อย จะมีความสะดวกง่ายดายมากยิ่งขึ้น โดยที่เราไม่จำเป็นต้องนำสินค้าไปฝากที่รถทัวร์หรือไปฝากที่อู่รถที่เค้าให้บริการขนของ แต่ทุกวันนี้จะมีรถรับจ้างที่วิ่งเข้าไป ให้บริการท่านจนถึงหน้าบ้านและทำการขนย้ายของให้กับท่านไม่ว่าสินค้านั้นจะมีมากน้อยแค่ไหน และไม่ต้องรอคิวเพราะนี่คือขนส่ง ผู้ให้บริการ รถขนของจังหวัดนครราชสีมาไปต่างจังหวัด ไม่ว่าคุณจะขนย้ายของเช่น เฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า สัตว์เลี้ยง มอเตอร์ไซค์ ย้ายหอ ย้ายบ้าน สินค้าชิ้นเดียวเราก็รับฝากสินค้าได้ทั้งหมดเราให้ บริการอย่างมืออาชีพการขนย้ายของไปต่างจังหวัด ไม่ว่าจะอยู่ในเขตพื้นที่ใกล้ๆ หรืออยู่ต่างภูมิภาคเราก็บริการเช่นเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็น รถกระบะขนของนครราชสีมาไปต่างจังหวัด รถหกล้อขนของจังหวัดนครราชสีมาไปต่างจังหวัด รถเทรลเลอร์รับจ้างนครราชสีมา รถเฮี้ยบรับจ้างนครราชสีมา รถ 10 ล้อรับจ้างจังหวัดนครราชสีมาไปต่างจังหวัด ซึ่งพร้อมให้บริการท่านตลอด 24 ชั่วโมง

   
รถสี่ล้อรับจ้างจังหวัดนครราชสีมา ราคาถูก

ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันทั้งในเรื่องของสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่สู้ดีและการแข่งขันในเรื่องของการให้บริการ รถสี่ล้อรับจ้างจังหวัดนครนครราชสีมา ราคาถูก ที่มีการแข่งขันสูงจึงทำให้ขนส่งของเรามีการปรับเปลี่ยนและปรับปรุงในเรื่องของงานบริการรวมไปจนถึงราคาค่าบริการเพื่อให้ รถสี่ล้อรับจ้างจังหวัดนครราชสีมาราคาถูก และโดนใจผู้ใช้บริการในหลายหลายคน

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมากว่า 10 ปี รถรับจ้างโคราช เรามีการปรับเปลี่ยนเพื่อให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าจนลูกค้าชื่นชอบและพึงพอใจในการบริการที่ดีและราคาค่าบริการที่ถูก ทำให้เราสามารถที่จะอยู่คู่งานบริการให้กับลูกค้าชาวจังหวัดนครราชสีมา มาอย่างยาวนานท่านสามารถมั่นใจงานบริการได้ด้วยประสบการณ์และคนขับรถที่มีความชำนาญในทุกเส้นทาง พร้อมด้วยคนยกของ ซึ่ง รถสี่ล้อรับจ้างหรือ รถกระบะรับจ้างจังหวัดนครราชสีมา ของเราพร้อมให้บริการท่านในทุกๆวันสามารถโทรหาสอบถามข้อมูลราคาหรือต่อรองราคาค่าบริการกับเราได้

   
รถขนของจังหวัดอุบลราชธานี มา นครราชสีมา ราคาถูก

เมื่อคุณต้องการใช้ รถขนของจังหวัดอุบลราชธานี ขนของมาที่จังหวัดนครราชสีมา ถือว่าเป็นงานขากลับ เราก็มีรถรับจ้างที่วิ่งให้บริการเช่นกันซึ่งถือว่าเป็นรถรับจ้างราคาถูกเพราะเป็นงานวิ่งกลับเข้ามาที่นครราชสีมา เราสามารถรับจ้างรับจ้างขนของได้ทุกรูปแบบ เช่น ขนย้ายบ้าน ขนย้ายหอพัก ขนย้ายเฟอร์นิเจอร์ ขนย้ายเครื่องจักร ย้ายคอนโด ย้ายไซต์งานก่อสร้าง เราอยากให้การบริการรับจ้างขนของ ของเราทุกคันเป็นไปอย่างดีที่สุดและลูกค้าชื่นชอบ รถกระบะรับจ้างนครราชสีมา รถ6ล้อรับจ้างนครราชสีมา รถ10ล้อรับจ้างโคราช รถขนของ รถรับจ้างย้ายบ้านโคราช รถ4ล้อรับจ้าง ยินดีให้บริการในทุกวัน

   
รถรับจ้างขนของย้ายบ้านโคราช

หากคุณกำลังมองหารถรับจ้างที่สามารถให้บริการขนย้ายบ้านให้กับคุณได้ ท่านมาถูกแล้วหากคุณได้เห็นข้อความหรือบทความนี้ของขนส่ง เราคือผู้นำด้านงานบริการให้บริการ รถรับจ้างขนของย้ายบ้านจังหวัดโคราช ในราคาที่ไม่แพงและขนย้ายของทั้งในเขตพื้นที่ในจังหวัดนครราชสีมาที่บริการในทุกๆจุดทุกๆอำเภอ ที่ท่านสามารถเข้าถึงงานบริการของเราได้เพียงแค่โทรหาเราเราก็มีรถคอยให้บริการในจุดต่างๆไม่ว่าจะเป็น รถหกล้อรับจ้างขนย้ายบ้านจังหวัดนครราชสีมา หรือ รถ 10 ล้อรับจ้างขนย้ายบ้านจังหวัดนครราชสีมา รถกระบะรับจ้างขนย้ายบ้านจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งรถขนของเหล่านี้มีสภาพที่ดีใหม่พร้อมด้วยพนักงานยกสินค้าที่จะทำให้คุณไม่ต้องเหนื่อยกับการขนย้ายของเอง
ท่านสามารถสอบถามข้อมูล รถรับจ้างที่ใกล้คุณในเขตพื้นที่อำเภอต่างๆของคุณได้เลย เราพร้อมให้บริการท่านขนย้ายของอย่างมีประสิทธิภาพ

10
จัดฟันบางนา: ข้อควรระวัง ! อาการข้างเคียงต่างๆ หลังการรักษารากฟัน

การรักษารากฟันเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการรักษาฟันที่ติดเชื้อและช่วยให้คุณเก็บฟันธรรมชาติไว้ได้ อย่างไรก็ตาม หลังการรักษาอาจมีอาการข้างเคียงบางอย่างเกิดขึ้นได้ ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่พบได้ทั่วไป


อาการข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังการรักษารากฟัน

อาการปวดและเสียวฟัน
เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุดหลังจากการรักษารากฟัน เนื่องจากเนื้อเยื่อรอบๆ รากฟันยังมีอาการอักเสบอยู่เล็กน้อย อาการปวดมักจะเป็นแบบตื้อๆ และจะค่อยๆ ดีขึ้นภายในไม่กี่วันหรือไม่กี่สัปดาห์

ปวดมากผิดปกติ: หากอาการปวดรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หรือไม่ทุเลาลงแม้จะรับประทานยาแก้ปวดแล้ว อาจเป็นสัญญาณว่ามีการติดเชื้อเกิดขึ้น ควรปรึกษาทันตแพทย์ทันที

อาการบวมและกดเจ็บ
เหงือกบริเวณที่ทำการรักษาอาจมีอาการบวมเล็กน้อยและรู้สึกกดเจ็บเมื่อสัมผัสหรือเคี้ยวอาหาร ซึ่งเป็นปฏิกิริยาปกติของร่างกาย อาการเหล่านี้จะหายไปเองในเวลาไม่นาน

อาการเสียวฟัน
หลังจากรักษารากฟันเสร็จแล้ว การที่ฟันยังรู้สึกเสียวเล็กน้อยเป็นเรื่องปกติ แต่ถ้าอาการเสียวไม่ดีขึ้นหรือรุนแรงขึ้น ควรกลับไปพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าไม่มีปัญหาอื่นๆ เช่น ฟันแตกร้าว


ข้อควรปฏิบัติและวิธีดูแลตัวเองหลังการรักษา

รับประทานยาตามที่ทันตแพทย์สั่ง: หากทันตแพทย์จ่ายยาแก้ปวดหรือยาปฏิชีวนะให้ ควรรับประทานยาตามที่กำหนดอย่างเคร่งครัด

หลีกเลี่ยงการเคี้ยวอาหารแข็ง: ในช่วงแรกควรหลีกเลี่ยงการเคี้ยวหรือกัดอาหารที่แข็งบริเวณฟันซี่ที่ทำการรักษา จนกว่าทันตแพทย์จะทำการบูรณะฟันซี่นั้นด้วยครอบฟันหรือวัสดุอุดฟันถาวร

ดูแลความสะอาดช่องปาก: หมั่นแปรงฟันและใช้ไหมขัดฟันอย่างอ่อนโยนเป็นประจำ เพื่อป้องกันการติดเชื้อซ้ำซ้อน

นัดหมายเพื่อรับการบูรณะฟัน: การรักษารากฟันยังไม่สมบูรณ์หากยังไม่ได้ทำการบูรณะฟันด้วยครอบฟันหรือวัสดุอุดถาวรขั้นสุดท้าย ซึ่งจะช่วยปกป้องฟันไม่ให้แตกหักและป้องกันการติดเชื้อในอนาคต

หากคุณมีอาการข้างเคียงที่รุนแรงหรือไม่แน่ใจว่าอาการที่เป็นอยู่ปกติหรือไม่ ควรติดต่อทันตแพทย์ผู้รักษาทันทีเพื่อขอคำแนะนำและตรวจเช็กอาการค่ะ

11
ผลกระทบที่เกิดขึ้นจากเสียงดัง
ในโรงงานอุตสาหกรรม
โรงงานหรือสถานประกอบกิจการที่มีปัญหาด้านเสียงเกินค่ามาตรฐาน อาจสร้างผลกระทบทั้งด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงานต่อพนักงานในโรงงานเอง หรืออาจก่อให้เกิดมลพิษทางเสียงต่อชุมชนและสภาพแวดล้อมที่อยู่ด้านนอกโรงงาน หากเจ้าของแหล่งกำเนิดเสียงหรือผู้เกี่ยวข้องปล่อยปละละเลย ไม่จัดทำโครงการควบคุมเสียงหรือแก้ไขปัญหาดังกล่าวไม่สำเร็จ จะทำให้มีผลกระทบตามมา เช่น

•   เป็นผู้กระทำผิดกฎหมายด้านเสียง มีทั้งโทษปรับและจำคุก
•   ลูกจ้างอาจเกิดภาวะสูญเสียการได้ยินแบบชั่วคราวหรือแบบถาวร
•   ประสิทธิภาพการทำงานของพนักงานลดลงจากเสียงเกินค่ามาตรฐาน
•   ถูกร้องเรียนจากชุมชนหรือผู้ได้รับผลกระทบทางเสียงที่อยู่นอกโรงงาน
•   โรงงานหรือสถานประกอบกิจการอาจถูกสั่งปิดปรับปรุง จนกว่าจะแก้ไขแล้วเสร็จ

ทำไมต้องใช้บริการจาก
“NEWTECH INSULATION” ในการควบคุมเสียง?
ด้วยประสบการณ์กว่า 15 ปี ในการควบคุมเสียงอุตสาหกรรม เรามีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรเฉพาะทางที่มีความรู้ด้านเสียงและความสั่นสะเทือน เครื่องมืออันทันสมัยที่ได้มาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด รวมถึงประสบการณ์ด้านการแก้ไขปัญหาเสียงอุตสาหกรรมที่มีทั้งในและต่างประเทศ ผู้ใช้บริการจึงมั่นใจได้ว่าปัญหาด้านเสียงในโรงงานหรือสถานประกอบกิจการจะได้รับการแก้ไขได้อย่างตรงจุด ด้วยค่าใช้จ่ายที่น้อยที่สุด เพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในอุตสาหกรรม
– บริษัทฯ ขึ้นทะเบียนและได้รับใบอนุญาตเป็นนิติบุคคลผู้ให้บริการตรวจวัดและวิเคราะห์สภาวะการทำงานเกี่ยวกับระดับเสียง โดยกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน
– บุคลากรของบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตเป็นผู้ควบคุมมลพิษเสียงและความสั่นสะเทือน จากสภาวิชาชีพวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
– มีทีมงานที่มากประสบการณ์และความรู้ ได้แก่ วิศวกร นักสิ่งแวดล้อมอุตสาหกรรม เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน ช่างเทคนิค รวมไปถึงช่างประกอบและติดตั้งระบบควบคุมเสียง
– มีเครื่องมือที่ได้มาตรฐานไว้ให้บริการทั้งด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
– มีสินค้าสำหรับควบคุมเสียงและความสั่นสะเทือนให้เลือกหลากหลายรูปแบบ เช่น ผนังกันเสียง ห้องเก็บเสียง ม่านกันเสียง ตู้ครอบลดเสียง แจ็คเก็ตลดเสียง ไซเลนเซอร์ อคูสติคลูเวอร์ อุปกรณ์แยกความสั่นสะเทือน เป็นต้น
– มีการประเมินหรือทำตัวแบบจำลองระดับเสียง ก่อน-หลัง ปรับปรุงให้ลูกค้าใช้เป็นข้อมูลในการตัดสินใจ ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลาในการแก้ปัญหาด้านเสียง
– รับประกันระดับเสียงที่ลดลง อยู่ในเกณฑ์ที่กฎหมายกำหนด
– รับประกันคุณภาพสินค้าและฝีมือการติดตั้งทุกงาน

บริษัท นิวเทค อินซูเลชั่น จำกัด
ผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมเสียงในโรงงานอุตสาหกรรม
จากประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาด้านเสียงมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นเสียงทางอาชีวอนามัยและความปลอดภัยในการทำงาน และเสียงทางสิ่งแวดล้อม
ทางบริษัทฯ ยินดีให้คำแนะนำที่ทำได้จริงสำหรับการแก้ปัญหาด้านมลภาวะทางเสียงที่เกิดขึ้น เพื่อให้ทั้งโรงงาน พนักงาน หรือชุมชนโดยรอบอยู่ร่วมกันได้
“เพราะเรา…เข้าใจเรื่องเสียง”


สนใจสั่งซื้อ
เบอร์โทร:  02-583-8035 , 02-583-8034, 098-995-4650
E-mail: contact@newtechinsulation.com
Line ID: @newtechinsulation
Facebook: newtechthai
Instagram: newtechinsulation
เว็บไซด์: https://www.noisecontrol365.com/


12
“สร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน” สไตล์ครูแมกซ์

จุดเริ่มต้นเพียงแค่ไม่มีใจรักการเป็นลูกน้อง และไม่ชอบการทำงานในองค์กร บวกกับมีความตั้งใจที่ว่า อยากฝึกทักษะการทำอาหารไว้ทำให้คุณพ่อคุณแม่ทานตอนท่านแก่
พร้อมกับคำพูดของคุณแม่ที่ชอบบอกว่า “การขายของมันได้จับเงินทุกวัน” นั่นคือจุดตัดสินใจ

ครูแมกซ์
จุดเริ่มต้นง่ายๆก็เริ่มจากการเรียนรู้จากคุณแม่ของครูแมกซ์เอง ท่านเป็นคนทำอาหารไทยอร่อย และเคยเปิดร้านอาหารมาก่อนตอนครูแมกซ์เด็กๆ
โดยใช้การถาม สังเกตอย่างละเอียด และฝึกชิมรสชาติของอาหารที่แท้จริง (เพราะคุณแม่ไม่เคยชั่งตวงวัดแม่บอกชิมให้เป็นไม่ต้องมาถามสูตร555)

ร่วมกับการเรียนรู้ผ่านสื่อออนไลน์ เช่น ยูทูป ดูทุกวันตลอดระยะเวลา 8-10ปี พร้อมกับการซื้อวัตถุดิบมาลงมือทำจริง ชิมจริง ทำให้คคุณแม่ทานจริง

ครูแมกซ์
จนถึงจุดที่มั่นใจแล้วว่า…จะทำอาหารเพื่อสร้างรายได้เริ่มง่ายๆจากครัวที่บ้าน
จากประสบการณ์ตลอดระยะเวลา15ปี ที่ครูแมกซ์มีรายได้จากอาหาร ไม่ว่าจะเป็นการยืนขายสลัดริมถนนหน้าตึกชาญอิสะ2 เปิดรับออเดอร์ลุกค้าในหมู่บ้าน การพรีออเดอร์ผ่านทางโซเชียลมีเดีย หรือแม้กระทั่งการออกบูทตามห้างดังต่างๆ

ทั้งหมดนี้ผ่านการทำจริง ได้ผลลัพธ์จริงมาทั้งหมดแล้วด้วยตัวครูแมกซ์เองคนเดียว (แบบไม่เลือกการมีลูกน้อง)

จึงมั่นใจมากว่าจากประสบการณ์ทั้งหมดที่ครูแมกซ์สั่งสมมาตลอดจนถึงวันนี้

ไข่เจียว
ครูแมกซ์ได้พิสูจน์แล้วว่า…การสร้างเงินแสนจากครัวที่บ้าน “มันทำได้จริง”
ครูแมกซ์ก็พร้อมที่จะถ่ายทอดทุกสูตรลัด แบไต๋ทุกเคล็ดลับให้คุณแบบหมดเปลือก!!  !!ความตั้งใจนั้นมันก็ได้เกิด”ผลลัพธ์”กับลูกศิษย์ครูแมกซ์เรียบร้อยแล้ว

📌น้องมิ้นท์ นักเรียนคอร์สไพรเวทจับมือทำรอบสด
ลาออกจากงานประจำเพื่อมาเปิดร้านขายอาหาร หลังจากเรียนกับครูแมกซ์ไปเพียงแค่3วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับพรีออเดอร์จากอาพาร์ทเมนต์ (โดยมีครูแมกซ์เป็นที่ปรึกษาตลอด1เดือนเต็ม) เริ่มจากเมนูง่ายๆที่ครูแมกซ์เลือกให้เป็นเมนูประจำร้าน คือ “เมนูไข่ฟูหมูฉ่ำนัว”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายเดือนกุมภาพันธ์ 68
สรุปได้ยอดขาย 60,000 บาท (ทำด้วยตัวคนเดียว)

📌น้องเติ๊ด นักเรียนคอร์สออนไลน์
เป็นพนักงานประจำหัวหน้าแผนกHR อยากหาอาชีพเสริมเพื่อวางแผนลาออกจากงานประจำ หลังจากเรียนคอร์สครูแมกซ์ภายใน 7 วัน น้องได้จับเงินบาทแรกจากอาหารทันที!!
โดยเปิดรับออเดอร์ที่คอนโด เริ่มจากเมนูง่ายๆที่เรียนจากคอร์สสูตรกะเพรา กับ คอร์ส10เมนูไข่ทำง่ายรายได้ปัง เมนูประจำร้าน คือ “เมนูข้าวไข่เจียว ไข่ข้น”

‼️ล่าสุดเพียงแค่ 2เดือน ยอดขายได้มากกว่าเงินเดือนประจำเป็นที่เรียนร้อยแล้ว พร้อมกับยื่นใบลาออก (แต่นายยังไม่อนุมัติ)

 
สนใจติดต่อสอบถามข้อมูล
ไลน์ ID  :  @krumax
Page FB : https://web.facebook.com/profile.php?id=61569480015186
เว็บไซด์ : https://krumax.net/krumaxcourse/
เบอร์โทร : 081-413-4479


13
4 ความลับที่ทำให้ฉนวนกันความร้อนโรงงานณภาพดีแตกต่างไม่มีใครเหมือน

ฉนวนกันความร้อนโรงงาน เป็นหนึ่งในวัสดุที่ผู้ประกอบการทุกคนตระหนักดีว่าจะปล่อยให้โรงงานไม่มีไม่ได้ เพราะส่งผลกระทบทำให้โรงงานเกิดปัญหาความร้อนสะสมสูงขึ้น จนทำให้ต้นทุนการผลิต ค่าไฟ ค่าเสื่อม ค่าซ่อมบำรุงเครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้าในโรงงานเพิ่มสูงขึ้นจนทำให้กำไรหดหาย

แต่อย่างไรก็ตาม แม้จะตระหนักดีกว่าฉนวนกันความร้อนสำคัญ แต่หลายคนก็ยังกังวลว่าแล้วจะให้เลือกใช้ฉนวนกันความร้อนโรงงานที่ไหนดีถึงจะมีคุณภาพ ซึ่งหนึ่งในคำตอบที่ผู้ประกอบการทั่วประเทศให้ความไว้วางใจก็คือ ฉนวนกันความร้อนโรงงาน ด้วยเพราะเป็นฉนวนกันความร้อนที่มีความโดดเด่นแตกต่างจากฉนวนกันความร้อนโรงงานทั่วไป ดังต่อไปนี้

1.เป็นฉนวนใยแก้วที่กันความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หัวใจสำคัญอันดับ 1 ของการเป็นฉนวนกันความร้อนโรงงาน คือต้องสามารถกันความร้อนได้จริง ไม่ว่าจะเป็นฉนวนกันความร้อนที่ใช้กับบริเวณใดในโรงงานก็ตาม เช่น ฉนวนกันความร้อนใต้หลังคาโรงงาน ก็ต้องกันความร้อนจากแสงอาทิตย์ที่ทะลุผ่านมาได้ดี ฉนวนกันความร้อนเครื่องจักรอุณหภูมิสูง ก็ต้องกันความร้อนจากเครื่องจักรได้อย่างมีประสิทธิภาพ เป็นต้น ทั้งนี้ความสามารถของฉนวนกันความร้อนนั้นจะแตกต่างกันไปตามวัสดุที่ใช้ในการผลิต

ซึ่งฉนวนกันความร้อนโรงงาน นั้นมีความพิเศษไม่เหมือนใครตรงที่ ผลิตจากใยแก้วที่มีโพรงอากาศอยู่ด้านในจำนวนมาก จึงทำให้อากาศร้อนที่ผ่านเข้ามากระทบไม่สามารถเคลื่อนตัวทะลุผ่านไปได้ง่าย ๆ จึงช่วยชะลอความร้อนไม่ให้ทะลุเข้ามาสะสมในโรงงานได้เป็นอย่างดี อีกทั้งฉนวนกันความร้อนโรงงาน ยังมีความหนาที่มากกว่าฉนวนกันความร้อนทั่วไป ซึ่งความหนาของฉนวนนั้นส่งผลโดยตรงต่อค่าต้านทานความร้อน ยิ่งหนามากก็ยิ่งกันความร้อนได้ดี นั่นเองด้วย 2 เหตุผลนี้ จึงทำให้ฉนวนกันความร้อนโรงงาน กันความร้อนได้ดีเป็นพิเศษมากกว่าฉนวนกันความร้อนทั่วไปนั่นเอง

2.เป็นฉนวนกันความร้อนสุด Healthy ไม่ทำร้ายสุขภาพ

การที่โรงงานติดตั้งฉนวนกันความร้อนไปในจุดต่าง ๆ นั้น จะทำให้ทุกคนในโรงงานต้องอยู่กับฉนวนกันความร้อนไปเป็นสิบ ๆ ปี จึงทำให้หากฉนวนกันความร้อนมีส่วนผสมของสารเคมีที่ทำให้เป็นอันตรายได้ ก็จะถือว่าไม่ตอบโจทย์กับการใช้งาน และยังถือเป็นผลเสียร้ายแรงต่อโรงงานด้วย หากทำให้พนักงานเจ็บป่วยและเป็นอันตราย

ทั้งนี้ ฉนวนกันความร้อนโรงงาน สามารถคลายความกังวลในเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นฉนวนใยแก้วที่ผ่านกระบวนการทดสอบแล้วว่าไม่มีสารที่ก่อให้เกิดมะเร็งในมนุษย์ และขนาดของใยแก้วนั้นไม่ได้เล็กจนสามารถทำให้คนเราสูดหายใจเข้าไปในปอดได้ ซึ่งได้รับการรับรองถึงคุณสมบัติความปลอดภัยนี้จากหน่วยงาน IARC ในการดูแลของ WHO

3.เป็นฉนวนกันความร้อนสุด Safety ช่วยเพิ่มความปลอดภัยให้โรงงาน

โรงงานอุตสาหกรรม ยิ่งมีเครื่องจักรมาก ยิ่งมีความร้อนมาก ยิ่งใช้ไฟฟ้ามาก มีสารเคมีมาก ๆ ยิ่งเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุอัคคีภัยได้แบบไม่คาดฝันเสมมอ ดังนั้น ถ้าการติดตั้งฉนวนกันความร้อนสามารถช่วยให้โรงงานปลอดภัยจากอัคคีภัยได้มากขึ้น ก็ถือว่าเป็นเรื่องดีอย่างมาก

นั่นเองจึงทำให้ฉนวนกันความร้อนโรงงาน เป็นที่ถูกใจของผู้ประกอบการที่ทราบว่าไม่เพียงแต่จะกันความร้อนดีเท่านั้น ฉนวนกันความร้อน ยังมีคุณสมบัติไม่ลามไฟ คือเมื่อเกิดเหตุไฟไหม้ ฉนวนกันความร้อนจะไม่ทำให้ไฟลุกลามเพิ่มขึ้น จึงช่วยลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับโรงงานลงได้มาก เรียกได้ว่าติดฉนวนกันความร้อนแล้ว รู้สึกปลอดภัยขึ้นอีกหลายเท่า

4.เป็นฉนวนกันความร้อนที่มีอายุการใช้งานยาวนาน

ต่อให้คุณภาพดีแค่ไหน แต่ถ้าใช้งานได้ไม่นาน เสื่อมสภาพเร็ว และไม่สามารถคงคุณสมบัติความเป็นฉนวนได้ยาวนาน ก็คงไม่ตอบโจทย์ เพราะคงเป็นเรื่องเสียเวลาและงบประมาณอย่างมากที่ต้องรื้อเปลี่ยนฉนวนกันความร้อนบ่อย ๆ ดังนั้น ฉนวนกันความร้อนโรงงานที่ดีจึงต้องมีอายุการใช้งานยาวนาน ซึ่งฉนวนกันความร้อนโรงงาน นั้นตอบโจทย์ได้ เนื่องจากมีคุณสมบัติไม่ดูดซับน้ำ กันความชื้นได้ดี จึงทำให้ไม่เสื่อมสภาพเร็ว คงคุณสมบัติการเป็นฉนวนกันความร้อนได้ยาวนานและมีประสิทธิภาพ ติดตั้งครั้งเดียว สามารถใช้งานควบคุมความร้อนสะสมในโรงงานได้เป็นสิบ ๆ ปี

ฉนวนกันความร้อนโรงงาน ครบเครื่องตอบโจทย์สำหรับการใช้งานในโรงงาน ทั้งกันความร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ปลอดภัยต่อสุขภาพ อายุการใช้งานยาวนาน และยังช่วยเสริมความปลอดภัยภายในโรงงานได้ด้วย อีกทั้งยังมีหลายประเภทให้เลือกใช้งานตามต้องกัน ไม่ว่าจะเป็นฉนวนสำหรับงานหลังคา งานระบบท่อปรับอากาศ งานท่อน้ำร้อนน้ำเย็นอุณหภูมิสูง และงานสำหรับห้องเครื่องจักร จึงไม่แปลกที่ผู้ประกอบการโรงงานให้ความไว้วางใจเลือกใช้สำหรับติดตั้งภายในโรงงานเพื่อแก้ปัญหาความร้อนสะสม

14
ซ่อมบำรุงอาคาร: วิธีเลือกช่างซ่อมประปา ผู้ช่วยสำคัญเมื่อมีปัญหาประปาในบ้าน

ช่างซ่อมประปา ตัวช่วยสำคัญเมื่อเกิดปัญหาก็อกน้ำไม่ไหลหรือระบบท่อประปาแตก อุดตัน ซึ่งปัญหาต่าง ๆ เหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่เกี่ยวกับระบบประปา หรือน้ำ ถือเป็นระบบสาธารณูปโภคที่ส่งผลต่อการใช้ชีวิตในแต่ละวันไม่น้อย

มาดูกันว่าปัญหาเกี่ยวกับระบบประปาแบบไหนที่เราแก้ไขเองได้ แล้วแบบไหนที่ต้องเรียกช่างซ่อมประปามาจัดการ และถ้าหากต้องเรียกช่างมาช่วยซ่อม จะเลือกหรือติดต่ออย่างไร เพื่อให้ได้ช่างที่ดีและจบงานได้สมบูรณ์


ก่อนถึงมือช่างซ่อมประปา ปัญหาประปาที่แก้เองได้มีอะไรบ้าง

โดยทั่วไปแล้ว ปัญหาระบบประปาในบ้านมีทั้งที่แก้ไขได้และต้องเรียกใช้งานช่างซ่อมประปาที่ชำนาญเฉพาะทางมาช่วยจัดการ แม้ว่าการเรียกช่างประปาจะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างแน่นอน แต่แน่นอนว่าต้องมีราคาค่าใช้จ่ายไม่น้อย ทั้งค่าแรงและค่าอุปกรณ์ต่าง ๆ

ทั้งที่จริงแล้วปัญหาระบบประปาบางอย่างสามารถแก้ไขและซ่อมได้เอง โดยไม่ต้องโทรเรียกช่างซ่อมประปามาช่วย ซึ่งทำให้ประหยัดทั้งเงินและเวลาได้อย่างมาก

มาดูกันว่าปัญหาประปาที่เกิดบ่อยมีอะไรบ้าง และปัญหาแบบไหนที่เราแก้ไขได้เองทันที

1. ก็อกน้ำเสีย

อาการ น้ำหยดเหมือนปิดก็อกไม่สนิท โดยหยดอยู่ตลอดเวลา หากปล่อยไว้จะยิ่งทำให้เปลืองค่าน้ำโดยใช่เหตุ
วิธีแก้ไขเบื้องต้น

– เปลี่ยนโอริงหรือยางธรรมชาติ เพื่อป้องกันน้ำรั่วซึม เพราะสาเหตุก็อกเสียจนน้ำหยดตลอดเวลาอาจเกิดจากยางของโอริงเสื่อมสภาพ
– เปลี่ยนไส้กรอง โดยไส้กรองเดิมอาจเก่า ใช้มานาน และเกิดการอุดตันหรือตกตะกอนของสิ่งเจือปนที่มาในน้ำประปา ควรหมั่นเปลี่ยนไส้กรองทุก ๆ 2 ปี

2. ท่อแตก
อาการ ท่อแตกเกิดได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นใช้งานมานาน โดยตัวท่อที่ทำจากพลาสติกจะเกิดผุกร่อนตามกาลเวลา ส่วนท่อประปาที่ทำจากทองแดงจะเสื่อมสภาพเมื่อถูกอุณหภูมิสูง
วิธีแก้ไขเบื้องต้น

ท่อประปาแตกแม้ว่าจะมีวิธีการยุ่งยากสักนิดแต่ก็สามารถทำด้วยตัวเองได้
– วิธีการพันเทป หรือใช้ดินน้ำมันอุด เป็นการแก้ปัญหาเบื้องต้นที่ง่ายที่สุด แต่ส่วนใหญ่ท่อก็จะกลับมาแตกอีกครั้ง เพราะเป็นการแก้ปัญหาเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้แก้อย่างถาวร
– เปลี่ยนท่อถือเป็นวิธีที่แก้ปัญหาได้ตรงจุดที่สุด วิธีการคือซื้อข้อต่อยูเนี่ยนมาเปลี่ยน ก่อนเปลี่ยนให้ปิดวาล์วน้ำ ตัดท่อประปาส่วนที่แตกออก แล้วเปลี่ยนด้วยข้อต่อยูเนี่ยน พันด้วยเทปพันเกลียวท่อประปาการซ่อมแซมท่อประปาแตกอาศัยทักษะชำนาญ รวมทั้งการเลือกวัสดุท่อคุณภาพ จึงควรปรึกษาช่างเฉพาะทาง

3. ท่อตัน
อาการ ปัญหาอุดตันที่เกิดขึ้นทั้งกับท่อน้ำหรือชักโครกล้วนเป็นปัญหาประปาที่ชวนปวดหัวไม่น้อย ส่งผลให้ระบายน้ำเสียหรือน้ำทิ้งลงไปตามท่อไม่ได้

วิธีแก้ไขเบื้องต้น

– แก้ปัญหาด้วยของที่มีอยู่ในบ้าน อาทิ ใช้เบกกิ้งโซดา, เกลือและน้ำส้มสายชู, น้ำร้อนและเกลือ หรือน้ำหมักชีวภาพเทไปในบริเวณท่อที่ตันจะช่วยขจัดสิ่งที่คงค้างอยู่ในท่อได้
– หากวิธีข้างต้นไม้ได้ผล แนะนำให้ใช้ งูเหล็ก หรือลวดยาว ๆ ช่วยเขี่ยหรือดันสิ่งที่อุดตันออกไป


เลือกช่างซ่อมประปาให้มั่นใจได้ว่าจะจบงาน

เมื่อปัญหาประปาที่เจอยุ่งยากเกินจะรับมือไหว ก็จำเป็นต้องเรียกช่างซ่อมประปาให้เข้ามาช่วยแก้ปัญหาแทน ถึงอย่างนั้น สิ่งสำคัญที่ต้องคำนึงถึงเมื่อต้องการหาช่างซ่อมประปามืออาชีพดี ๆ เข้ามาช่วยก็คือ "จะเลือกช่างซ่อมประปาอย่างไรให้มั่นใจได้ว่าจะจบงานสมบูรณ์แบบ" มาดูกันว่าวิธีเลือกช่างซ่อมประปาต้องพิจารณาอะไรบ้าง

1. ตรวจสอบความน่าเชื่อถือ
ขั้นแรกควรตรวจสอบว่าช่างซ่อมประปาหรือบริษัทที่ให้บริการด้านนี้มีใบประกอบวิชาชีพถูกต้องหรือไม่ ผู้ที่จะมาดูงานให้นั้นมีความรู้และประสบการณ์โดยตรงหรือเปล่า เพราะจะช่วยทำให้เรามั่นใจได้ระดับหนึ่งว่าช่างคนนั้นจะแก้ไขปัญหาได้อย่างแท้จริง

2. ดูประสบการณ์ทำงาน
อายุงานก็ถือเป็นสิ่งสำคัญไม่แพ้กัน นอกเหนือจากความรู้ภาคทฤษฎีแล้ว ควรดูด้วยว่าช่างซ่อมประปาที่เราจะว่าจ้างเคยผ่านงานมามากน้อยแค่ไหน เพราะปัญหาประปาบางอย่างก็จำเป็นต้องอาศัยความเชี่ยวชาญพอสมควร

ที่สำคัญ การสื่อสารและปฏิบัติต่อลูกค้าก็สำคัญ หากช่างประปาสามารถตอบข้อซักถาม รวมทั้งแนะนำสิ่งที่เป็นประโยชน์ให้ลูกค้าเข้าใจได้ง่าย ติดตามงานจนจบ ก็ช่วยยืนยันประสบการณ์การทำงานที่มีมากมาพอสมควร

3. สอบถามราคา
ก่อนตกลงว่าจ้าง ควรถามราคาบริการให้แน่ใจและเป็นที่พอใจกันทั้งสองฝ่าย โดยทั่วไปแล้ว ช่างมืออาชีพหรือบริษัทที่ให้บริการมานานจะตีราคาให้บริการอย่างละเอียด ซึ่งครอบคลุมทั้งค่าแรงและอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ ตามกรณีที่เรียกไปซ่อม
รวมทั้งบริการหลังการขายกรณีเกิดปัญหาตามมาภายหลัง ทั้งนี้ ไม่ควรเลือกว่าจ้างช่างหรือบริษัทที่ให้คุณจ่ายเงินค่าจ้างก่อนรับงานมาซ่อมให้โดยเด็ดขาด

4. ศึกษาเงื่อนไขรับประกัน
หากเกิดปัญหาหรือความเสียหายอื่นอันเกิดจากการซ่อมแซมประปา คุณต้องมั่นใจว่าช่างซ่อมประปาหรือบริษัทนั้นมีนโยบายชดเชยหรือรับประกันความเสียหายดังกล่าว เพราะคุณอาจต้องเสียเงินจ่ายค่าเสียหายเองกรณีที่เกิดความเสียหายขึ้นมาและไม่ได้สอบถามเรื่องนี้ให้เข้าใจตรงกันก่อน

5. มีเวลาการให้บริการที่ชัดเจน
เพราะเมื่อเกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบต่าง ๆ ภายในบ้าน หลายคนย่อมต้องการให้ทุกอย่างดำเนินการให้เสร็จเรียบร้อยเร็วที่สุด คุณจึงควรสอบถามเวลาการทำงานและจบงานกับช่างประปาให้ชัดเจนก่อนเริ่มว่าจ้าง เพื่อดูว่าช้าเกินไปหรือไม่ หรือดำเนินการภายใต้เวลาที่ต้องการได้ทันที

ทั้งนี้ การพูดคุยเรื่องเวลาเข้ามาซ่อมที่ชัดเจนยังช่วยให้คุณจัดสรรตารางเวลาเข้ามาดูงานได้เป็นระบบยิ่งขึ้นด้วย ถือว่าเป็นช่วยให้ทำงานตามตารางเวลาทั้งสองฝ่าย

15
หมอประจำบ้าน: ฮีโมฟิเลีย (Hemophilia)

ฮีโมฟิเลีย เป็นโรคที่มีความผิดปกติเกี่ยวกับระบบการแข็งตัวของเลือด คือ มีภาวะพร่องสารก่อเลือดแข็งตัวหรือปัจจัยการแข็งตัวของเลือด (clotting factors) ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง ทำให้มีอาการเลือดออกง่ายและหยุดยาก

โรคนี้เกิดจากความผิดปกติที่ถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์ มักมีอาการเกิดขึ้นตั้งแต่วัยทารกหรืออายุน้อยกว่า 18 เดือน บางคนจึงเรียกว่า “โรคเลือดง่ายแต่กำเนิด” หรือ “โรคเลือดออกง่ายหยุดยาก”

โรคนี้แบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่

ฮีโมฟิเลียเอ (hemophilia A) ซึ่งมีการขาดปัจจัยการแข็งตัวของเลือด ที่เรียกว่า “แฟกเตอร์ที่ 8 (factor VIII)” พบได้กว่าร้อยละ 80 ของผู้ป่วยฮีโมฟิเลียทั้งหมด ในผู้ชายมีโอกาสพบโรคนี้ 1 ใน 10,000 คน และในผู้หญิงพบเป็นพาหะของโรคนี้ 1 ใน 5,000 คน
    ฮีโมฟิเลียบี (hemophilia B) ซึ่งมีการขาดปัจจัยการแข็งตัวของเลือด ที่เรียกว่า “แฟกเตอร์ที่ 9 (factor IX)” พบได้เป็นส่วนน้อย ในผู้ชายพบโรคนี้ 1 ใน 40,000 คน และในผู้หญิงพบเป็นพาหะของโรคนี้ 1 ใน 20,000 คน

ทั้ง 2 ชนิด มีสาเหตุ อาการแสดง และภาวะแทรกซ้อนของโรคเหมือนกัน

หากมีระดับของแฟกเตอร์ที่ 8 หรือ 9 ต่ำกว่าร้อยละ 1 ของคนปกติ จัดว่าเป็นฮีโมฟิเลียแบบรุนแรง ซึ่งมักจะมีเลือดออกที่เกิดขึ้นเอง โดยไม่มีการบาดเจ็บหรือกระทบกระแทก และมักมีเลือดออกในข้อ

หากมีระดับของแฟกเตอร์ที่ 8 หรือ 9 ร้อยละ 1-5 ของคนปกติ จัดว่าเป็นฮีโมฟิเลียแบบปานกลาง ซึ่งจะมีเลือดออกเมื่อได้รับบาดเจ็บเล็กน้อยถึงปานกลาง

หากมีระดับของแฟกเตอร์ที่ 8 หรือ 9 ร้อยละ 5-40 จัดว่าเป็นฮีโมฟิเลียแบบเล็กน้อย จะมีเลือดออกเมื่อได้รับบาดเจ็บรุนแรงหรือผ่าตัด

สาเหตุ

ภาวะขาดปัจจัยการแข็งตัวของเลือด มีสาเหตุมาจากความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ สามารถถ่ายทอดทางกรรมพันธุ์แบบ X-linked (มีความผิดปกติที่โครโมโซม X) เช่นเดียวกับภาวะพร่องเอนไซม์ จี-6-พีดี ดังนั้นจึงพบโรคนี้ในผู้ชายเป็นส่วนใหญ่ ผู้หญิงจะมีความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ซึ่งไม่แสดงออก แต่สามารถถ่ายทอดไปให้ลูกหลาน ผู้หญิงส่วนน้อยมากที่อาจมีอาการของโรคนี้ แต่จะต้องมีทั้งพ่อแม่ที่มีกรรมพันธุ์ของโรคนี้ทั้งคู่ (ดูเพิ่มเติมใน “ภาวะโลหิตจางจากเม็ดเลือดแดงแตก และภาวะพร่องเอนไซม์ จี-6-พีดี”)

อาการ

ผู้ป่วยจะมีอาการเลือดออกง่ายเป็น ๆ หาย ๆ มาตั้งแต่เล็ก มักจะเริ่มมีอาการครั้งแรกเมื่อเด็กเริ่มเคลื่อนไหวด้วยตนเอง (หลังอายุ 6 เดือนขึ้นไป และมักเกิดขึ้นก่อนอายุ 18 เดือน)

มักจะออกเป็นจ้ำใหญ่ (ไม่เป็นจุดแดง) หรือออกเป็นก้อนนูน โดยมักเกิดจากการกระทบกระแทกเล็ก ๆ น้อย ๆ

อาจมีเลือดกำเดาไหล หรือถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะเป็นเลือด โดยไม่ทราบสาเหตุ

บางรายอาจมีบาดแผล (เช่น มีดบาด) ซึ่งมีเลือดออกนานและหยุดยาก หรือบางรายอาจมีเลือดออกในกล้ามเนื้อจนซีด และช็อก

บางรายอาจมีเลือดออกโดยเกิดขึ้นเองก็ได้ ที่มีอันตรายร้ายแรง คือ อาจมีเลือดออกเองในข้อ (ที่พบ ได้แก่ ข้อศอก ข้อเข่า ข้อมือ ข้อเท้า) ทำให้มีอาการปวดบวม แดง ร้อน คล้ายข้ออักเสบ หากไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้ข้อติดแข็งพิการได้

ในรายที่เป็นฮีโมฟิเลียแบบเล็กน้อย มักมีเลือดออกเวลารับการผ่าตัดหรือถอนฟันหรือบาดเจ็บรุนแรง

ทารกที่ยังสื่อสารไม่ได้ เมื่อมีอาการเลือดออกตามข้อหรือกล้ามเนื้อ อาจแสดงอาการร้องกวนงอแง กระสับกระส่ายโดยไม่ทราบสาเหตุ

ภาวะแทรกซ้อน

ซีด ช็อก เลือดออกในข้อทำให้ข้อติดแข็งพิการ เลือดออกในสมอง อาจถึงเสียชีวิตได้

ถ้ามีเลือดออกในกล้ามเนื้อแขนหรือขา ทำให้แขนหรือขาบวม และอาจกดถูกเส้นประสาทเกิดอาการปวดเสียวหรือชาได้

ถ้ามีเลือดออกในกล้ามเนื้อของคอหรือกล่องเสียง อาจทำให้กดท่อลม (trachea) เกิดการอุดกั้นทางเดินหายใจ มีอันตรายถึงตายได้

ผู้ป่วยที่รับการถ่ายเลือดบ่อย ๆ ก็อาจเสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี ไวรัสตับอักเสบบีและซีได้

การวินิจฉัย

แพทย์จะวินิจฉัยเบื้องต้นจากอาการ ประวัติการเจ็บป่วย และการตรวจร่างกาย

สิ่งตรวจพบที่สำคัญ ได้แก่ พบมีเลือดออกเป็นจ้ำเลือด (รอยฟกช้ำ) ขนาดใหญ่ ก้อนนูนหรือก้อนเลือดคั่งใต้ผิวหนัง (hematoma)

ข้อบวม ออกร้อนและปวด เคลื่อนไหวลำบาก

ก้อนบวม ออกร้อน และปวดที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของแขน ขา ลำตัว

มีภาวะเลือดออกนานและหยุดยาก เวลามีบาดแผลจากการบาดเจ็บ ผ่าตัด หรือ ถอนฟัน

แพทย์จะทำการวินิจฉัยให้แน่ชัดโดยการตรวจพบระดับปัจจัยการแข็งตัวของเลือด (แฟกเตอร์ที่ 8 หรือ 9) ในเลือดต่ำกว่าปกติ

การรักษาโดยแพทย์

แพทย์จะให้การดูแลรักษา ดังนี้

การรักษา ที่สำคัญ คือการให้พลาสมาสดแช่แข็ง (fresh frozen plasma) ที่มีปัจจัยการแข็งตัวของเลือด (มีแฟกเตอร์ที่ 8 และ 9 ที่เข้มข้น ซึ่งสกัดจากพลาสมาของผู้บริจาคเลือดและผ่านกระบวนการทำลายเชื้อเอชไอวีและไวรัสตับอักเสบ)

ในกรณีที่มีเลือดออกรุนแรง ซึ่งต้องให้ปัจจัยการแข็งตัวของเลือดขนาดมาก หรือต้องการหลีกเลี่ยงการติดเชื้อเอชไอวี ไวรัสตับอักเสบบีและซี แพทย์จะให้แฟกเตอร์ที่ 8 หรือ 9 ซึ่งสังเคราะห์ด้วยวิธีพันธุวิศวกรรม (ได้แก่ recombinant factor VIII หรือ IX) ตามชนิดของฮีโมฟิเลีย

สารเหล่านี้จะให้เพื่อการรักษาขณะที่มีภาวะเลือดออกเกิดขึ้น และอาจให้เพื่อการป้องกันก่อนเข้ารับการผ่าตัดหรือถอนฟัน ขนาดของสารที่ใช้รักษาและระยะเวลาของการรักษาขึ้นกับความรุนแรงและตำแหน่งของเลือดที่ออก

ผู้ป่วยที่เป็นฮีโมฟิเลียที่มีอาการรุนแรงและอาการปานกลาง แพทย์จะให้พลาสมาสดแช่แข็งชนิดสำเร็จรูปไว้ประจำที่บ้าน และใช้ฉีดเข้าหลอดเลือดด้วยตนเอง หรือให้ญาติช่วยฉีดให้เมื่อมีเลือดออก การให้การรักษาที่ถูกต้องและทันท่วงทีจะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนและความพิการในระยะยาวได้

ในรายที่เป็นฮีโมฟิเลียชนิดเอแบบเล็กน้อยและปานกลาง แพทย์อาจให้ยาเดสโมเพรสซิน (desmopressin) ซึ่งจะช่วยกระตุ้นการสร้างแฟกเตอร์ที่ 8 หลังมีการบาดเจ็บ ก่อนเข้ารับการผ่าตัดเล็กหรือถอนฟัน ยานี้มีทั้งชนิดฉีดเข้าหลอดเลือดดำและพ่นจมูก ยานี้ใช้ไม่ได้ผลกับโรคฮีโมฟิเลียแบบรุนแรง

นอกจากนี้ ในรายที่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น เลือดออกในข้อ ข้อติดแข็งหรือพิการ ก็จะให้การรักษาทางกายภาพบำบัดร่วมด้วย

ผลการรักษา ถ้าได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันท่วงที ก็มักจะมีชีวิตได้ยืนยาวและลดภาวะแทรกซ้อนลงได้มาก อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยบางรายอาจสร้างสารภูมิต้านทานต่อสารที่ใช้รักษา (ปัจจัยการแข็งตัวของเลือด) ทำให้การรักษาได้รับผลไม่สู้ดี อาจต้องเพิ่มขนาดของสารที่ใช้รักษา หรือเปลี่ยนไปใช้สารชนิดอื่นแทน

การดูแลตนเอง

หากสงสัย เช่น พบว่าเด็กมีอาการเลือดออกง่ายเวลามีบาดแผล (เช่น มีดบาด) มีเลือดออกนานและหยุดยาก มีอาการข้อบวม หรือมีก้อนบวมที่แขนขาหรือลำตัวซึ่งเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน เวลาถูกกระทบกระแทกเบา ๆ ก็เกิดรอยฟกช้ำเป็นจ้ำเลือดขนาดใหญ่หรือออกเป็นก้อนนูน หรือมีเลือดออกตามที่ต่าง ๆ (เช่น กำเดาไหล ถ่ายอุจจาระ หรือปัสสาวะเป็นเลือด) โดยไม่ทราบสาเหตุ ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็ว

เมื่อตรวจพบว่าเป็นฮีโมฟิเลีย ควรดูแลรักษา ดังนี้

ดูแลรักษา และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์
    ติดตามรักษากับแพทย์ตามนัด
    หาทางหลีกเลี่ยงจากการกระทบกระแทกหรืออุบัติเหตุต่าง ๆ โดยมีการดำเนินชีวิตและมีอาชีพที่เหมาะสม ผู้ป่วยสามารถออกกำลังกาย เช่น ว่ายน้ำ เดินเร็ว ขี่จักรยานได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงกีฬาที่มีการปะทะหรือเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ เช่น ฟุตบอล ฮอกกี้
    ดูแลสุขภาพฟัน อย่าให้ฟันผุ ฟันเสีย เพื่อหลีกเลี่ยงการถอนฟัน ที่อาจทำให้เลือดออกรุนแรง

หลีกเลี่ยงการซื้อยาแก้ปวด แก้ข้ออักเสบกินเอง และยาอื่น ๆ ที่ทำให้เลือดออกได้ง่าย
    เมื่อรู้สึกเริ่มมีอาการปวดหรือตึงข้อ (ซึ่งแสดงว่าเริ่มมีเลือดออก) ให้ฉีดพลาสมาสดแช่แข็งชนิดสำเร็จรูปที่มีติดบ้านเข้าไปในหลอดเลือดดำเพื่อป้องกันไม่ให้มีเลือดออกรุนแรงต่อไป
    เวลาที่ไปพบแพทย์เพื่อทำหัตถการที่เสี่ยงต่อเลือดออก (เช่น ทำฟัน ฉีดยา ผ่าตัด) ควรแจ้งให้แพทย์ทราบ เพื่อเตรียมยาและอุปกรณ์ในการห้ามเลือดไว้พร้อมในการแก้ไข

ควรกลับไปพบแพทย์โดยเร็ว ถ้ามีลักษณะข้อใดข้อหนึ่ง ดังต่อไปนี้

มีอาการที่สงสัยว่ามีเลือดออกในสมอง เช่น มีอาการปวดศีรษะมาก อาเจียนมาก คอแข็ง (ก้มคอไม่ลง) เห็นภาพซ้อน ซึมมาก แขนขาอ่อนแรงหรือชัก
    มีเลือดออก ทำการห้ามเลือดเบื้องต้นแล้วเลือดไม่หยุดไหล
    เมื่อมีอาการที่เลือดเริ่มออก (เช่นอาการปวดหรือตึงข้อ) และฉีดพลาสมาสดแช่แข็งที่บ้านแล้วไม่ได้ผล (เช่น มีอาการปวดและบวมที่ข้อมากขึ้น)
    ประสบอุบัติเหตุ หรือได้รับบาดเจ็บ

การป้องกัน

การป้องไม่ให้เป็นโรคนี้ทำได้ยาก เนื่องจากโรคนี้ถ่ายทอดทางพันธุกรรม

ผู้ป่วยและผู้ที่สงสัยมีพันธุกรรมของโรคนี้แฝงอยู่ เมื่อวางแผนจะแต่งงานหรือต้องการจะมีบุตร ควรปรึกษาแพทย์ในการลดความเสี่ยงต่อการมีบุตรที่เกิดมาเป็นโรคนี้ แพทย์อาจทำการตรวจดีเอ็นเอ (พันธุกรรม) ของคู่สมรส และเมื่อตั้งครรภ์แพทย์อาจทำการตรวจดูว่าทารกในครรภ์เป็นโรคนี้หรือไม่ ดังที่เรียกว่า การวินิจฉัยก่อนคลอด (prenatal diagnosis)

ข้อแนะนำ

1. โรคนี้จะเป็นติดตัวตลอดชีวิต โดยมีอาการเลือดออกเป็นครั้งคราว ในปัจจุบันสามารถให้การดูแลรักษาจนมีอายุยืนยาวเท่าคนปกติได้โดยการให้พลาสมาสดแช่แข็ง แฟกเตอร์ที่ 8/9 ชนิดสังเคราะห์ (recombinant factor VIII/IX) หรือเดสโมเพรสซิน

เด็กที่เป็นฮีโมฟิเลียบางคน แพทย์อาจให้แฟกเตอร์ที่ 8/9 ชนิดสังเคราะห์ ฉีดป้องกันวันละ 3 ครั้ง (สำหรับฮีโมฟิเลียเอ) หรือ 2 ครั้ง (สำหรับฮีโมฟิเลียบี) ตั้งแต่อายุ 1 ปีจนถึงวัยหนุ่มสาว

2. ผู้ป่วยควรทราบหมู่เลือดของตัวเอง และควรมีสิ่งแสดงว่าตัวเองเป็นโรคนี้และมีหมู่เลือดอะไร สถานที่รักษา เบอร์โทรศัพท์ของแพทย์ผู้รักษา (อาจเป็นบัตรประจำตัวหรือเหรียญ) พกติดตัวไว้เสมอ เผื่อประสบอุบัติเหตุ หรือมีเลือดออก จะได้ให้ความช่วยเหลือได้ถูกต้องและทันท่วงที

3. ในการฉีดยารักษาโรคแก่ผู้ป่วย แพทย์จะหลีกเลี่ยงการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ เพราะอาจทำให้มีก้อนเลือดคั่งอยู่ในกล้ามเนื้อได้ จะเปลี่ยนมาใช้ยาชนิดกิน หรือฉีดเข้าใต้ผิวหนังหรือเข้าทางหลอดเลือดดำ แต่หากจำเป็นต้องฉีดเข้ากล้ามเนื้อ จะฉีดโดยการใช้เข็มเบอร์ขนาดเล็ก ทำการกดแผลที่ฉีดไว้นาน ๆ เพื่อป้องกันเลือดออกที่กล้ามเนื้อ และติดตามดูอาการเลือดออกเป็นเวลาอย่างน้อยใน 24 ชั่วโมง หรืออาจฉีดพลาสมาสดแช่แข็งก่อนที่จะฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ

4. พ่อแม่และพี่น้องของผู้ป่วย ควรตรวจเช็กว่ามีกรรมพันธุ์ที่ผิดปกติหรือมีโรคนี้ (อาจเป็นฮีโมฟิเลียแบบเล็กน้อย) ซ่อนเร้นอยู่หรือไม่ จะได้หาทางดูแลให้เหมาะสมได้

5. โรคนี้ส่วนใหญ่เกิดจากความผิดปกติทางกรรมพันธุ์ ซึ่งมีอาการตั้งแต่อายุ 6-18 เดือน แต่ก็อาจพบในผู้ใหญ่ที่ไม่มีความผิดปกติทางกรรมพันธุ์และไม่มีอาการเลือดออกง่ายหยุดยากมาก่อน มีสาเหตุจากร่างกายมีปฏิกิริยาภูมิต้านตัวเอง (ออโตอิมมูน) คือ เกิดมีสารภูมิต้านทานต่อปัจจัยการแข็งตัวของเลือดทำให้ร่างกายพร่องปัจจัยการแข็งตัวของเลือด (แฟกเตอร์ที่ 8 และ 9) เกิดอาการเลือดออกง่ายหยุดยาก เรียกว่า “โรคฮีโมฟิเลียชนิดเกิดในภายหลัง (acquired hemophilia)”

ภาวะนี้ส่วนหนึ่งอาจเกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุชัดเจน

อีกส่วนหนึ่งอาจพบในหญิงตั้งครรภ์ โรคมะเร็ง (เช่น มะเร็งปอด กระเพาะอาหาร ลำไส้ใหญ่ เต้านม ปากมดลูก ต่อมน้ำเหลือง) หรือ โรคภูมิต้านตัวเอง (เช่น ข้ออักเสบรูมาตอยด์ เอสแอลอี คอพอกเป็นพิษ หลอดเลือดแดงขมับอักเสบ) หรือ การแพ้ยา การรักษาสำหรับผู้ป่วยกลุ่มนี้ นอกจากให้การรักษาแบบเดียวกับฮีโมฟิเลียที่พบในเด็กแล้ว ยังต้องรักษาโรคที่พบร่วมพร้อมกันไปด้วย

หน้า: [1] 2 3 ... 41