ผู้เขียน หัวข้อ: เมื่อไรควรเลือกใช้ “ ม่านกันเสียง ” ฉนวนกันเสียง  (อ่าน 279 ครั้ง)

siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 304
  • โฆษณาโปรโมชั่นของท่าน*ได้กระจายสู่การรับรู้สู่ลูกค้าได้ทั่วถึงยิ่งขึ้น สอบถาม รับจ้างโพสเว็บ
    • ดูรายละเอียด
ม่านกันเสียง อีกหนึ่งของ ฉนวนกันเสียง ที่ช่วยแก้ปัญหาเสียงดัง

สำหรับการแก้ปัญหาเสียงดังรบกวนจากเครื่องจักรนั้น สามารถทำได้หลากหลายวิธีตั้งแต่การปรับปรุง การย้าย การสร้างห้องกันเสียง เป็นต้น แต่ในกรณีที่ไม่สามารถกระทำการดังกล่าวได้ การใช้ม่านกันเสียงมาช่วยแก้ปัญหาก็เป็นทางออกที่น่าสนใจอีกทางหนึ่ง ตัวอย่างของการนำม่านกันเสียงมาประยุกต์ใช้

1.    ติดตั้งม่านกันเสียงรอบมอเตอร์หรือแหล่งกำเนิดเสียงรบกวนที่ต้องมีการถ่ายเทความร้อน
 
2.   เลือกใช้ม่านกันเสียงเฉพาะด้านประตูหรือด้านที่ต้องมีการเปิดปิดเข้าออกบ่อยครั้ง

3.    นำม่านกันเสียงมาใช้ในพื้นที่ที่ต้องการป้องกันเสียงจากด้านหนึ่งดังรบกวนมายังอีกด้านหนึ่ง

4.    ติดตั้งม่านกันเสียงรอบพื้นที่หรือโต๊ะทำงานเฉพาะกิจของช่างที่มีเสียงดังรบกวนพื้นที่ส่วนรวม

5.    แขวนม่านกันเสียงรอบที่ตั้งปั๊มลมหรือคอมเพรสเซอร์เพื่อลดเสียงดังขณะที่เครื่องทำงาน


ข้อควรทราบคือ “ม่านกันเสียง” ที่กันเสียงได้ดีหรือลดทอนกำลังงานเสียงลงได้มาก จะมีน้ำหนักที่ค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับม่านตามอาคารบ้านพักอาศัยทั่วไป การนำม่านกันเสียงสำหรับอุปกรณ์หรืองานอุตสาหกรรมไปประยุกต์ใช้ในอาคารบ้านเรือนจึงต้องคำนึงถึงเรื่องความสะดวกในการจัดเก็บด้วย ม่านกันเสียงโดยทั่วไปจะลดระดับเสียงลงได้ประมาณ 5-10 dBA แต่หากนำมาประยุกต์ใช้กับฉนวนกันเสียง หรือวัสดุกันเสียงประเภทอื่นๆ ที่อยู่ในรูปห้องกันเสียงแบบเปิดด้านหน้า ตู้กันเสียงแบบเปิดเฉพาะด้านข้าง หรือผนังกันเสียงที่ต้องมีการติดตั้งม่านกันเสียงในรูปตัวแอลหรือตัวยู ระดับเสียงที่ลดลงก็อาจจะมากกว่า 10 dBA ในกรณีที่เป็นเสียงความถี่สูง (โดยเฉพาะย่านความถี่ตั้งแต่ 4000 Hz ขึ้นไป)



เมื่อไรควรเลือกใช้ “ ม่านกันเสียง ” ฉนวนกันเสียง อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://noisecontrol365.com/