ผู้เขียน หัวข้อ: 10 วิธีแก้ง่วงยามบ่าย ปลุกความสดชื่นง่าย ๆ ไม่ต้องพึ่งกาแฟ  (อ่าน 362 ครั้ง)

siritidaphon

  • Sr. Member
  • ****
  • กระทู้: 292
  • โฆษณาโปรโมชั่นของท่าน*ได้กระจายสู่การรับรู้สู่ลูกค้าได้ทั่วถึงยิ่งขึ้น สอบถาม รับจ้างโพสเว็บ
    • ดูรายละเอียด
ฮ้าววว...คำว่า "หนังท้องตึง หน้าตาหย่อน" นี่เป็นจริงเสียยิ่งกว่าจริงอีกนะ แม้ช่วงเช้า ๆ เราจะตื่นมาด้วยความลั้ลลาสดชื่นขนาดไหน แต่พอทานอาหารเที่ยงเสร็จปุ๊บ ตกบ่ายปั๊บก็เริ่มตาปรือ หาวแล้วหาวอีก แถมความง่วงยังมาพร้อมกับความมึน คิดงานสำคัญอะไรก็ไม่ออก เรียนก็ไม่รู้เรื่อง อย่างนี้ต้องหาวิธีปราบอาการง่วงตอนกลางวันแบบด่วนจี๋ชนิดที่ไม่ต้องพึ่งกาแฟ


1. นอนหลับตอนกลางคืนให้เต็มอิ่ม

          ลองคิดดูซิว่าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เราเข้านอนกันตอนกี่โมง แล้วตื่นกี่โมง ถ้าเวลานอนของคุณน้อยกว่า 7-8 ชั่วโมงติดต่อกันหลายวันล่ะก็ ไม่แปลกเลยที่คุณจะมาง่วงตอนกลางวัน วิธีแก้ไขก็ไม่ยากเย็นอะไรเลยล่ะ แค่ต่อจากนี้ไป เราต้องเข้านอนให้เร็วขึ้น อย่างปกตินอน 5 ทุ่ม ก็เขยิบมานอนสัก 4 ทุ่ม ให้ร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่ จะได้ไม่มานั่งหาวตอนกลางวันไงล่ะ
 
          แต่ถ้าใครมีอาการนอนไม่หลับ หรือหลับยาก อันเป็นสาเหตุทำให้ตัวเองนอนไม่พอ อาจจะลองทานนมอุ่น ๆ กล้วย หรือน้ำผึ้งมาทานก่อนนอน จะช่วยให้หลับสบายขึ้น หรือจะหาน้ำมันหอมระเหยอย่างลาเวนเดอร์ มาดมดู จะช่วยคลายความเครียด ทำให้เราหลับได้ง่ายขึ้นเหมือนกัน



2. ออกไปสัมผัสแสงแดดยามเช้า

          รู้ไหมว่าแสงแดดตอนเช้า ๆ ก่อน 9 โมง จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในกล้ามเนื้อของคุณไปสู่สมองมากขึ้น ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกตื่น และสดชื่นต่อเนื่องตลอดทั้งวันนั่นเอง ว่าแล้วพรุ่งนี้ก็ตื่นให้เร็วขึ้นสักหน่อย แล้วออกไปสัมผัสแสงแดดกันดีกว่า ตกบ่ายจะได้ไม่ง่วงเหงาหาวนอน หรือมีอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นไงล่ะ



3. จิบน้ำระหว่างวัน

          เมื่อนึกถึง "น้ำ" เราจะนึกถึงความสดชื่นมาเป็นอันดับแรก เพราะฉะนั้น "น้ำ" ก็เป็นตัวช่วยชั้นเลิศในการแก้ง่วงได้เหมือนกัน อย่างที่มีคำแนะนำให้ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องเลย และต้องดื่มแบบจิบ ๆ ตลอดทั้งวัน เพราะการที่ร่างกายได้รับน้ำอย่างสม่ำเสมอจะช่วยทำให้ระดับออกซิเจนในร่างกายเพิ่มขึ้น ชาร์จพลังงานในตัวให้เพิ่มขึ้นด้วย

          อ้อ..ที่สำคัญคือ น้ำที่ดื่มควรเป็นน้ำอุ่นอุณหภูมิห้องด้วยนะ เพื่อให้ร่างกายดูดซึมไปใช้ในระบบไหลเวียนมาเลี้ยงเลือดได้ทันที จะช่วยเพิ่มความสดชื่น กระปรี้กระเปร่าได้ดี แต่ถ้าใครสงสัยว่า อ้าว ! แล้วดื่มน้ำเย็น ๆ ให้ชื่นใจไม่ได้เหรอ งานนี้ ต้องบอกว่า การดื่มน้ำเย็นเกินไป จะทำให้เส้นเลือดที่อยู่ในระบบทางเดินอาหารหดตัวลง กว่าเซลล์จะปรับตัวและขยายตัวเพื่อดูดซึม ต้องใช้เวลานานพอสมควร ต่างจากน้ำธรรมดาที่อุณหภูมิ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมมาเลี้ยงเลือดได้ทันทีเลย



4. ขอเวลางีบสัก 10-15 นาที

          ถ้ารู้ตัวล่วงหน้าว่าช่วงบ่าย ๆ เราคงต้องหลับแน่ ๆ ก็ต้องเตรียมตัวตั้งแต่ตอนพักกลางวันก่อนเลย โดยหาที่เหมาะ ๆ หรือบนโต๊ะทำงานนั่นแหละ งีบหลับสัก 10-15 นาที มีงานวิจัยหลายแห่งยืนยันตรงกันว่า คนที่งีบหลับในตอนกลางวันจะมีความจำดีขึ้น รู้สึกตื่นตัวขึ้น และมีประสิทธิภาพในการทำอะไรต่ออะไรได้ดีขึ้นด้วย แต่ไม่ควรนอนเกินครึ่งชั่วโมงไม่เช่นนั้นคุณอาจจะหลับลึกไปเลยแล้วตื่นขึ้นมาด้วยอาการมึนงง แทนที่จะสดชื่นยามบ่าย กลายเป็นง่วงหนักกว่าเดิมอีกนะจ๊ะ



5. เลี่ยงคาร์โบไฮเดรตหนัก ๆ ในมื้อเที่ยง

          ถ้ามื้อเที่ยงที่ผ่านมา เราจัดหนักจัดเต็มกับอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล ก็อาจทำให้ช่วงบ่าย ๆ มีอาการง่วงซึมได้อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะการทานอาหารมื้อใหญ่ ๆ ที่หนักแป้ง หนักน้ำตาล จะทำให้เลือดไหลไปเลี้ยงกระเพาะอาหารมากขึ้น เพื่อเร่งย่อยอาหารในปริมาณมากให้แล้วเสร็จ ทีนี้ก็จะทำให้เลือดที่ไหลไปเลี้ยงสมองมีน้อยลง หรือไหลเวียนช้าลง ทำให้เราง่วงซึม เฉื่อยชา หลังจากทานอาหารแล้วนั่นเอง



6. บอกลาของหวาน

          หลายคนคิดว่า ถ้าง่วงก็กินซะสิ >< ให้ปากได้ขยับเคี้ยวของหวาน ๆ บ้างจะได้แก้ง่วงได้ เอ้า...จริง ๆ ของหวานก็ช่วยทำให้เรากระชุ่มกระชวยได้อยู่หรอกค่ะ แต่แค่แป๊บเดียวเองนะ เพราะเมื่อเราทานของหวานซึ่งเป็นสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตชนิดเร่งด่วน จะไปทำให้ตับอ่อนต้องหลั่งอินซูลินออกมามากขึ้น ทีนี้ น้ำตาลในเลือดเราก็จะสูงขึ้นไปด้วย ส่งผลให้เราเกิดความรู้สึกง่วงนอนตามมา เพราะฉะนั้น บอกลาของหวานเลย ถ้าไม่อยากหลับผล็อย



7. ยืดเส้นยืดสายกันหน่อย

          อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่าทันตาเห็นก็คือการยืดเส้น ยืดสายนี่แหละจ้า ถ้านั่งทำงานอยู่หลายชั่วโมงแล้วง่วงจัด ก็ให้ลุกขึ้นเดินไปเดินมาซะบ้าง จะลุกไปยืนคุยกับเพื่อนแผนกอื่น ขึ้นลงบันไดไป ๆ มา ๆ หรือเดินเข้าไปในห้องน้ำ แล้วแอบยืดเส้นยืดสาย กระโดดตบเล่นให้ร่างกายได้ตื่นตัวหน่อยก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครเห็นจริงมะ

          การลุกขึ้นมากระโดดตบจะช่วยเร่งอัตราการเต้นของหัวใจ นอกจากนี้ ยังช่วยเพิ่มระดับอะดรีนาลีนและคอร์ติซอล ซึ่งช่วยชาร์จพลังงานให้แก่ร่างกายด้วย ถ้าอยากสดชื่นก็อย่าได้แคร์ใคร เอ้า...ลุกขึ้นมากระโดดตบกันเร็ว !!!



8. ฟังเพลงกันเถอะ

          หาหูฟังดี ๆ สักอันมาครอบหูแล้วเปิดเพลงฟังแก้ง่วงยามบ่ายกันดีกว่า การฟังเพลงจะช่วยทำให้เรามีสมาธิ และเพิ่มความตื่นตัวขึ้นด้วย แต่ต้องฟังกับหูฟังเท่านั้น อย่าเปิดผ่านลำโพง ส่วนจะเลือกฟังเพลงแบบไหนนั้น ขึ้นอยู่กับตัวเราเองค่ะว่าเพลงแบบไหนจะช่วยทำให้เราตื่นตัวได้มากที่สุด ก็ลองค้นหาแนวเพลงที่เหมาะกับเราดูนะ



9. ฝึกลมหายใจ

          ถ้าไม่รู้จะแก้ง่วงอย่างไรดี งั้นลองมาฝึกลมหายใจปลุกตัวเองให้กระฉับกระเฉงขึ้นก็แล้วกัน เริ่มจากนั่งหลับตา พยายามหายใจเข้าออกถี่ ๆ ทางจมูก ถ้าทำได้สักวินาทีละ 3 รอบก็จะดีมาก แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็เอาเท่าที่ไหวค่ะ ทำไปจนกระทั่งเรารู้สึกว่ากล้ามเนื้อที่ฐานต้นคอ เหนือกระดูกไหปลาร้า และที่กระบังลมเกิดการเคลื่อนไหวตาม

          ลองทำแบบนี้ติดต่อกันสัก 15 วินาที แล้วกลับมาหายใจแบบปกติ ทำสลับกันไปเรื่อย ๆ จนถึง 1 นาที วิธีนี้จะช่วยกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางให้ทำงานมากขึ้น ทำให้เรารู้สึกมีพลัง ตื่นตัว แก้ง่วงได้ดีนักแล
 


10. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ

          รู้กันอยู่แล้วล่ะว่าการออกกำลังกายมีแต่ประโยชน์ แล้วก็ยังช่วยแก้ง่วงยามบ่ายได้เหมือนกันนะ เพราะการออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง เป็นประจำ จะช่วยเติมพลังให้ร่างกาย เหมือนมีไฟตลอดเวลา แถมยังปลุกความสดชื่นให้สมองอีกด้วย เอ้า ! ลุกขึ้นมาออกกำลังกายกันหน่อยจ้า


10 วิธีแก้ง่วงยามบ่าย ปลุกความสดชื่นง่าย ๆ ไม่ต้องพึ่งกาแฟ อ่านบทความเพิ่มเติมคลิ๊กที่นี่ https://mmed.com/