แสดงกระทู้

This section allows you to view all posts made by this member. Note that you can only see posts made in areas you currently have access to.


Messages - ploy.pantheera

หน้า: [1]
1
ไม่ว่าจะเป็นงานแต่งงานครั้งหนึ่งในชีวิต พิธีรับปริญญาที่รอคอย หรืองาน Reunion ใหญ่ที่อยากให้ตัวเองดูดีที่สุด การเตรียมตัวให้พร้อมจากภายในสู่ภายนอกคือสิ่งสำคัญที่จะช่วยเพิ่มความมั่นใจ และทำให้คุณเปล่งประกายที่สุดในวันสำคัญนั้นๆ นอกจากการดูแลสุขภาพ การพักผ่อน หรือการเลือกเสื้อผ้า อีกหนึ่งสิ่งที่มองข้ามไม่ได้เลยคือ "ผิวหน้า" ของเรา เพราะผิวหน้าที่ดูสดใส ยกกระชับ ได้รูป จะช่วยให้การแต่งหน้าง่ายขึ้น และทำให้คุณรู้สึกดีกับตัวเองที่สุดในทุกมุมกล้อง

การเตรียมผิวสำหรับวันสำคัญต้องอาศัยการวางแผนล่วงหน้า เพราะปัญหาผิวบางอย่าง โดยเฉพาะเรื่องความหย่อนคล้อย หรือกรอบหน้าที่ไม่ชัดเจน อาจต้องใช้เวลาในการแก้ไข นอกจากการบำรุงผิวด้วยสกินแคร์ การทำทรีตเมนต์ผิวต่างๆ เพื่อเพิ่มความกระจ่างใสแล้ว หัตถการยกกระชับก็เป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่ได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับผู้ที่ต้องการให้ใบหน้าดูเป๊ะขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

สำหรับใครที่กังวลเรื่องความหย่อนคล้อยเล็กน้อยถึงปานกลาง แก้มไม่กระชับ หรือกรอบหน้าไม่ชัดเจน และต้องการวิธีที่ให้ผลลัพธ์จริงโดยไม่ต้องผ่าตัด ultraformer iii ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เทคโนโลยีนี้ใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความเข้มข้นสูงแบบเฉพาะเจาะจง (HIFU) ส่งพลังงานลงไปถึงชั้นผิวหนังแท้ส่วนลึก และชั้น SMAS ซึ่งเป็นชั้นเดียวกับที่ใช้ในการผ่าตัดดึงหน้า เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอิลาสติน ทำให้เกิดการยกกระชับผิวจากภายใน คืนความยืดหยุ่น และช่วยให้กรอบหน้าดูคมชัดขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ

ข้อดีของการเลือกทำ โปรแกรม Ultraformer III ก่อนวันสำคัญ คือ ผลลัพธ์จะค่อยๆ ปรากฏขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติในช่วง 1-3 เดือนหลังทำ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเตรียมตัว ทำให้ใบหน้าของคุณดูยกกระชับ เรียวขึ้น และได้รูปในวันงานพอดี โดยไม่ดูว่าผ่านการทำหัตถการมาแบบฉับพลัน นอกจากนี้ ยังใช้เวลาทำไม่นานและมีระยะเวลาพักฟื้นน้อยมาก (Minimal Downtime) อาจมีเพียงอาการบวมแดงเล็กน้อย หรือรู้สึกระบมใต้ผิว ซึ่งจะหายไปเองในเวลาไม่นาน ทำให้คุณมีเวลาเหลือเฟือในการเตรียมตัวด้านอื่นๆ

เพื่อให้การเตรียมตัวด้วย โปรแกรม Ultraformer III สำหรับวันสำคัญของคุณได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและตรงตามความต้องการ Vdesign Clinic มีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญพร้อมให้คำปรึกษาและประเมินรูปหน้าของคุณอย่างละเอียด แพทย์จะช่วยวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพผิว ปัญหา และที่สำคัญคือ "ไทม์ไลน์" ก่อนถึงวันสำคัญของคุณ เพื่อให้การทำโปรแกรม Ultraformer III เกิดประสิทธิภาพสูงสุด และใบหน้าของคุณพร้อมสำหรับวันพิเศษอย่างสมบูรณ์แบบ

การเตรียมตัวให้พร้อมก่อนวันสำคัญไม่ใช่แค่การแก้ไข แต่คือการลงทุนในความมั่นใจของตัวคุณเอง การเลือก โปรแกรม Ultraformer III เป็นส่วนหนึ่งของแผนการเตรียมตัวที่ Vdesign Clinic คือการเลือกความเชี่ยวชาญและเทคโนโลยีที่ได้มาตรฐาน เพื่อให้คุณมีผิวหน้าที่ดูดีที่สุด และพร้อมเฉิดฉายในวันสำคัญที่รอคอยอย่างมั่นใจเต็มร้อย

2
ฟิลเลอร์ฉีดจุดไหนได้บ้าง? แต่ละจุดใช้กี่ CC? มาดูกันเลย!
เคยสงสัยไหมว่า ฟิลเลอร์ สามารถฉีดตรงไหนได้บ้าง? แล้ว ต้องใช้ปริมาณเท่าไหร่ถึงจะเห็นผล? หลายคนรู้เพียงแค่ว่าการฉีดฟิลเลอร์ช่วยให้ใบหน้าของเราดูอิ่มฟู และเรียบเนียมมากขึ้น แต่ฟิลเลอร์สามารถฉีดจุดไหนได้บ้าง ? และจะต้องใช้กี่ CC. ถึงจะเห็นผล ? วันนี้เราจะมาแชร์ข้อมูลกันแบบเข้าใจง่าย ๆ ก่อนจะตัดสินใจฉีดฟิลเลอร์กัน!
จริง ๆ แล้ว ฟิลเลอร์สามารถฉีดได้หลายจุดบนใบหน้า เพื่อช่วยทั้งเติมเต็ม ปรับรูปหน้า และลดเลือนริ้วรอย โดยจุดที่คนนิยมฉีดกันมีทั้งหมด 7 จุด ดังนี้!

1. ฟิลเลอร์ปาก – เติมเต็มปากให้อวบอิ่ม ดูสุขภาพดี
อยากให้ปากดูอวบอิ่ม สุขภาพดี ไม่แห้งแตก? ฟิลเลอร์ปากช่วยได้! นอกจากจะช่วยเพิ่มวอลลุ่มแล้ว ยังช่วยปรับรูปทรงให้สวยขึ้น ไม่ว่าจะเติมกระจับ ยกมุมปาก หรือทำให้ริมฝีปากดูสมส่วนขึ้น เหมาะสำหรับคนที่อยากให้หน้าดูหวานขึ้นแบบเป็นธรรมชาติสุด ๆ

ปริมาณที่ใช้โดยเฉลี่ย: 1 - 2 CC.
เหมาะกับใคร:
  • คนที่มีริมฝีปากบาง อยากให้ดูอวบอิ่ม
  • คนที่อยากเติมขอบปากให้คมชัดขึ้น
  • คนที่อยากปรับทรงปากให้ดูสมส่วน

2. ฟิลเลอร์ใต้ตา – ลดรอยคล้ำ ใต้ตาลึก คืนความสดใสให้ใบหน้า!
นอนดึก พักผ่อนน้อย ใต้ตาลึกจนหน้าดูโทรมใช่ไหม? ฟิลเลอร์ใต้ตาช่วยได้! แค่ฉีดก็ช่วย เติมเต็มร่องลึก ลดความคล้ำ และปรับผิวให้เรียบเนียน ทำให้ใต้ตาดูสดใสขึ้นทันที! ไม่ต้องศัลยกรรม ไม่ต้องพักฟื้น หลังฉีดใช้ก็สามารถชีวิตได้ปกติเลย

ปริมาณที่ใช้โดยเฉลี่ย: 1 - 2 CC.
เหมาะกับใคร:
  • คนที่ใต้ตาลึก มีรอยคล้ำ
  • คนที่อยากให้ใบหน้าดูสดใส อ่อนเยาว์ขึ้น
  • คนที่มีร่องน้ำตาลึกจากโครงสร้างใบหน้า

3. ฟิลเลอร์ร่องแก้ม – ลดริ้วรอย ให้หน้าดูเด็กลง
ร่องแก้มลึกทำให้หน้าดูมีอายุเกินจริงใช่ไหม? ฟิลเลอร์ช่วยได้! แค่เติมเต็มร่องแก้มให้ตื้นขึ้น หน้าก็ดูเด็กลงทันที ผิวดูอิ่มฟู สดใสขึ้นแบบเป็นธรรมชาติ!

ปริมาณที่ใช้โดยเฉลี่ย: 2 - 6 CC.
เหมาะกับใคร:
  • คนที่มีร่องแก้มลึกจนหน้าดูมีอายุ
  • คนที่อยากให้หน้าเด็กลงแบบไม่ต้องผ่าตัด

4. ฟิลเลอร์ขมับ – เติมเต็มขมับ ให้หน้าดูสมดุล
ขมับตอบทำให้หน้าดูโทรม ดูมีอายุใช่ไหม? ฟิลเลอร์ช่วยเติมเต็มขมับให้ดูสมดุล และช่วยพรางโหนกแก้มให้หน้าดูละมุนขึ้นได้ นอกจากทำให้ใบหน้าดูเต็มขึ้นแล้ว ยังช่วย ยกผิวบริเวณหางตา หางคิ้ว ทำให้หน้าของเราดูสดใส สมดุล และมีมิติมากขึ้นด้วย

ปริมาณที่ใช้โดยเฉลี่ย: 2 - 4 CC.
เหมาะกับใคร:
  • คนที่มีขมับตอบ ทำให้หน้าดูแบน
  • คนที่อยากให้ใบหน้าดูอิ่มฟู และดูสมส่วนขึ้น

5. ฟิลเลอร์คาง – ปรับรูปหน้าให้เรียวสวย มีมิติ
อยากให้ใบหน้าดูเรียวยาว แต่ไม่อยากศัลยกรรม? ฟิลเลอร์คางช่วยได้!  เหมาะสำหรับคนที่มี คางสั้น คางตัด หรือรู้สึกว่าหน้าดูไม่สมส่วน การเติมฟิลเลอร์ที่คางจะช่วยให้ใบหน้าของเราดูเรียวยาวขึ้นแบบเป็นธรรมชาติ

ปริมาณที่ใช้โดยเฉลี่ย: 2 - 4 CC.
เหมาะกับใคร:
  • คนที่คางสั้น คางตัด อยากให้หน้าดูสมดุลขึ้น
  • คนที่อยากให้หน้าดูเรียวยาวขึ้น

6. ฟิลเลอร์กรอบหน้า (Jawline Filler) – กรอบหน้าชัด หน้าเรียวขึ้นทันที
อยากให้กรอบหน้าคมชัด ดูมีมิติแบบดารา? ฟิลเลอร์กรอบหน้าช่วยได้!  เหมาะสำหรับคนที่รู้สึกว่ากรอบหน้าไม่ชัด หน้าดูหย่อนคล้อย หรืออยากให้มุมด้านข้างดูเป๊ะขึ้น

การฉีด ฟิลเลอร์ Jawline คือการเติมฟิลเลอร์ตั้งแต่คางไปจนถึงแนวสันกราม ช่วยให้กรอบหน้าดูคมขึ้น กระชับขึ้น ทำให้ใบหน้าดูเรียว และเล็กลง

ปริมาณที่ใช้โดยเฉลี่ย: 2 - 6 CC.
เหมาะกับใคร:
  • คนที่มีกรอบหน้าไม่ชัด หน้าไม่เรียว
  • คนที่อยากให้หน้าดู V-Shape โดยไม่ต้องศัลยกรรม

7. ฟิลเลอร์แก้มส้ม – เพิ่มวอลลุ่มให้หน้าดูเด็กลง
"แก้มส้ม" คือจุดที่อยู่ระหว่างใต้ตากับแก้ม และโหนกแก้มกับจมูก การฉีดฟิลเลอร์ตรงจุดนี้ จะช่วยให้หน้าจะดูอิ่มฟู มีมิติ และดูอ่อนเยาว์ขึ้นทันที! การฉีดฟิลเลอร์แก้มส้มเหมาะสำหรับคนที่ มีแก้มตอบ แก้มยุบ หรือรู้สึกว่าหน้าแบน ดูไม่มีมิติ

ปริมาณที่ใช้โดยเฉลี่ย: 2 - 4 CC.
เหมาะกับใคร:
  • คนที่รู้สึกว่าแก้มดูแบน ไม่มีมิติ
  • คนที่อยากให้ใบหน้าดูสดใส อ่อนวัยขึ้น

ฟิลเลอร์นั้นสามารถฉีดได้หลายจุดบนใบหน้า ไม่ว่าจะเป็นปาก ใต้ตา ร่องแก้ม ขมับ คาง กรอบหน้า หรือแก้มส้ม ซึ่งแต่ละตำแหน่งก็ใช้ปริมาณ CC. ที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละคน ไม่จำเป็นต้องฉีดเยอะ ๆ ในครั้งเดียว ค่อย ๆ เติมไปทีละนิด เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติ และลดความเสี่ยงของการฉีดที่มากเกินไปด้วย
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ต้องเลือกฉีดกับแพทย์ที่มีประสบการณ์ และใช้ฟิลเลอร์แท้ที่ได้มาตรฐาน! เพื่อให้มั่นใจเรื่องของความปลอดภัย และเพื่อได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดนั่นเอง

3
ในยุคที่ความสวยงามและการดูแลผิวพรรณเป็นเรื่องสำคัญมากขึ้น Filler ผิวกลายเป็นทางเลือกที่หลายคนเลือกใช้เพื่อปรับรูปหน้าและเสริมความสวยความงามให้ดูอ่อนเยาว์ โดยเฉพาะในด้านการปรับรูปหน้าให้ดูสวยสมดุล และการฟื้นฟูผิวที่หย่อนคล้อยให้กลับมากระชับอีกครั้ง แต่การเลือก Filler ที่ดีที่สุดนั้นมีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับความต้องการของแต่ละบุคคล

ประเภทของฟิลเลอร์ผิว
ฟิลเลอร์ผิวมีหลายประเภท ซึ่งแต่ละประเภทก็มีคุณสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกันไป ในการเลือก Filler ที่ดีที่สุด คุณควรเข้าใจถึงประเภทและข้อดีข้อเสียของแต่ละตัวดังนี้

1. Filler ประเภท Hyaluronic Acid (HA)
Filler ชนิดนี้ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากเป็นสารที่พบได้ตามธรรมชาติในร่างกายและมีความปลอดภัยสูง ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นและความยืดหยุ่นให้กับผิว เหมาะสำหรับการลดเลือนริ้วรอยและเติมเต็มรูปหน้า เช่น เติมเต็มร่องแก้ม แก้มตอบ หรือกรอบหน้าให้ดูชัดขึ้น
- ข้อดี: ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติ สามารถสลายตัวได้เองตามธรรมชาติในร่างกาย ไม่เสี่ยงต่อการเกิดอาการแพ้
- ข้อเสีย: ผลลัพธ์จะคงอยู่ได้ประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล

2. Filler ประเภท Calcium Hydroxylapatite (CaHA)
Filler ประเภทนี้ใช้สำหรับการเสริมสร้างโครงสร้างและปรับรูปหน้าให้ชัดเจนขึ้น เช่น การปรับแก้มให้เต็ม หรือการยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย
- ข้อดี: ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใหม่ในผิว ทำให้ผลลัพธ์ยาวนานกว่า (ประมาณ 12-18 เดือน)
- ข้อเสีย: อาจทำให้เกิดการอักเสบหรือบวมในบางคนหลังทำ

3. Filler ประเภท Poly-L-lactic Acid (PLLA)
Filler ชนิดนี้มักใช้ในการฟื้นฟูผิวที่สูญเสียความกระชับและยืดหยุ่น เนื่องจากช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวชั้นลึก
- ข้อดี: ผลลัพธ์คงอยู่นานหลายปี และดูเป็นธรรมชาติ เนื่องจากผลลัพธ์เกิดจากการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว
- ข้อเสีย: ต้องทำการฉีดหลายครั้งถึงจะเห็นผลชัดเจน และผลลัพธ์เริ่มปรากฏหลังจาก 4-6 สัปดาห์

การเลือกฟิลเลอร์ให้เหมาะสมกับรูปหน้า
การเลือก Filler ที่ดีที่สุดต้องพิจารณาจากลักษณะและปัญหาผิวของแต่ละคน เช่น:
- สำหรับผู้ที่มีริ้วรอยลึกหรือแก้มตอบ: Filler ที่มีส่วนผสมของ Hyaluronic Acid (HA) มักจะเป็นตัวเลือกที่ดีเพราะสามารถเติมเต็มริ้วรอยและเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ดี
- สำหรับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าหรือเพิ่มมิติให้กรอบหน้า: Filler ที่มีคุณสมบัติช่วยเพิ่มความหนาแน่นของผิว เช่น Calcium Hydroxylapatite (CaHA) จะช่วยเสริมโครงสร้างของใบหน้าได้ดียิ่งขึ้น
- สำหรับการยกกระชับผิวที่หย่อนคล้อย: Filler ประเภท Poly-L-lactic Acid (PLLA) เหมาะสำหรับการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิว เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ยาวนานและดูเป็นธรรมชาติ

การเลือกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
การเลือกแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการฉีดฟิลเลอร์เป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะหากฉีดโดยแพทย์ที่ไม่มีความชำนาญ อาจเกิดความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงหรือผลลัพธ์ที่ไม่เป็นธรรมชาติได้ ควรเลือกแพทย์ที่มีการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสามารถให้คำแนะนำที่เหมาะสมตามสภาพผิวและความต้องการของคุณ

การดูแลหลังการฉีด Filler
หลังการฉีด Filler ผิวอาจจะมีอาการบวม หรือแดงเล็กน้อย ซึ่งเป็นเรื่องปกติที่สามารถหายไปได้ภายในไม่กี่วัน ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสหรือกดทับบริเวณที่ฉีด Filler ในช่วงแรก และหมั่นดูแลผิวด้วยการทาครีมบำรุงเพื่อช่วยให้ Filler อยู่ได้นานและมีประสิทธิภาพสูงสุด

สรุป
การเลือก Filler ผิวที่ดีที่สุดนั้นต้องคำนึงถึงประเภทของ Filler ความต้องการของแต่ละบุคคล และสภาพผิวที่แตกต่างกัน การเลือกใช้ Filler ที่เหมาะสมและปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจะช่วยให้ได้ผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัย ทั้งนี้ควรดูแลรักษาผิวหลังการทำฟิลเลอร์เพื่อให้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดและยาวนานที่สุด


4
เคล็ดลับแต่งหน้าให้สวยได้ใน 5 นาที ด้วยลิปสติก L'Oreal และ Maybelline

ในยุคที่เวลามีค่า การแต่งหน้าสวยในเวลาอันสั้นจึงกลายเป็นความท้าทายสำหรับสาวๆ ที่ต้องการความเรียบง่าย แต่ยังคงความสวยงามที่เปล่งประกายไม่แพ้ใคร หากคุณเป็นหนึ่งในคนที่ต้องการแต่งหน้าในเวลาเพียง 5 นาที แต่ยังคงอยากให้ลุคดูดี มีความสดใส และเหมาะสมกับทุกสถานการณ์ ลิปสติกจาก L'Oreal และ Maybelline จะเป็นตัวช่วยที่ทำให้คุณสามารถแต่งหน้าได้เร็ว และยังได้ผลลัพธ์ที่คงทนทั้งวัน ในบทความนี้ เราจะมาแชร์เคล็ดลับการแต่งหน้าให้สวยภายใน 5 นาที ด้วยลิปสติก 5 ตัวที่สาวๆ ทุกคนต้องมี!

ลิปสติก L'Oreal: คุณสมบัติที่โดดเด่น

1. L'Oreal Paris Rouge Signature Matte Lipstick

ลิปสติก Rouge Signature Matte ของ L'Oreal เป็นหนึ่งในลิปสติกที่ได้รับความนิยมสูง ด้วยความที่เนื้อแมทติดทนนานและไม่ทำให้ริมฝีปากแห้งแตก แม้ในช่วงที่อากาศร้อนหรือทำกิจกรรมต่างๆ อย่างเช่นการทานอาหารหรือดื่มน้ำ ลิปสติก ตัวนี้จะไม่หลุดง่าย ทำให้คุณสามารถทาลิปเดียวและมั่นใจได้ทั้งวัน

  • จุดเด่น:เนื้อแมทที่ให้ลุคสวยหรู เหมาะสำหรับทั้งการแต่งหน้าประจำวันและงานกลางคืน
  • วิธีใช้: ทาลิปเพียงครั้งเดียวจะให้สีที่ชัดเจนและติดทนนาน ตอบโจทย์สาวๆ ที่ต้องการแต่งหน้าเร็ว

2. L'Oreal Paris Rouge Signature Brilliant Lipstick

หากคุณชื่นชอบลิปสติกที่ให้ความฉ่ำวาวและดูสดใส ลิปสติก Rouge Signature Brilliant จาก L'Oreal เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ลิปตัวนี้จะช่วยเพิ่มความเงางามให้ริมฝีปากดูอิ่มเอิบและมีชีวิตชีวา สามารถใช้งานได้ในทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นการไปทำงาน หรือไปเที่ยวกับเพื่อน

  • จุดเด่น: เนื้อสัมผัสเบาและไม่เหนียวเหนอะหนะ พร้อมกับความฉ่ำวาวที่ช่วยเพิ่มมิติให้ริมฝีปาก
  • วิธีใช้:ทาลิปเพียงบางๆ ให้สีที่ดูเป็นธรรมชาติ หรือจะทาเพิ่มให้สีเข้มขึ้นเพื่อเพิ่มความโดดเด่นก็ได้

3. L'Oreal Paris Infallible Matte Resistance 105

ลิปสติก Infallible Matte Resistance จาก L'Oreal เป็นลิปที่ออกแบบมาเพื่อให้ความทนทานสูงสุด แม้จะผ่านการทานอาหารหรือดื่มน้ำ ลิปตัวนี้จะยังคงสีสันได้อย่างสมบูรณ์ เหมาะสำหรับสาวๆ ที่ต้องการความสะดวกสบายในทุกการใช้งาน โดยไม่ต้องคอยเติมบ่อยๆ ตลอดวัน

  • จุดเด่น:ติดทนนานแม้ในสภาพอากาศร้อนหรือกิจกรรมที่ต้องใช้เวลานาน
  • วิธีใช้: ทาลิปสติกให้ทั่วริมฝีปาก สามารถใช้แปรงลิปเพื่อเพิ่มความละเอียดในการทา

ลิปสติก Maybelline: ทำไมถึงควรเลือก?

1. Maybelline Superstay Vinyl Ink Lip

Superstay Vinyl Ink Lip ของ Maybelline เป็นลิปสติกที่ให้ผลลัพธ์เงางามและติดทนนานอย่างไม่น่าเชื่อ ตัวนี้มีคุณสมบัติพิเศษในการเกาะติดทนนานแบบไร้ที่ติ ช่วยให้คุณมั่นใจตลอดทั้งวันไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรือออกไปเที่ยวกับเพื่อนๆ

  • จุดเด่น:เงางามแบบ Vinyl แต่ยังคงความเบาสบายที่ริมฝีปาก ไม่เหนียวเหนอะหนะ
  • วิธีใช้:ทาลิปให้ทั่วริมฝีปาก และสามารถทาทับในบางจุดเพื่อเพิ่มความเข้มของสี

2. Maybelline Color Sensational Ultimattes

Color Sensational Ultimattes เป็นลิปสติก ที่มอบความแมทที่เรียบเนียนและนุ่มลื่นไปพร้อมๆ กับการให้สีสันที่ชัดเจน และติดทนนาน เหมาะสำหรับสาวๆ ที่ชอบลิปสติกเนื้อแมท ที่ไม่ทำให้ริมฝีปากแห้งตลอดทั้งวัน

  • จุดเด่น:เนื้อแมทที่ให้ความคมชัดและติดทน ใช้แล้วไม่ต้องกังวลเรื่องการเติมลิปซ้ำๆ
  • วิธีใช้:ทาลิปสติกให้ทั่วริมฝีปากจากมุมด้านในไปจนถึงขอบด้านนอก เพื่อให้ได้ลุคที่เรียบร้อยและสวยงาม

เคล็ดลับแต่งหน้าให้เร็วขึ้น

  • เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่สามารถสร้างลุคได้ครบจบในขั้นตอนเดียวการเลือกใช้ลิปสติกที่มีคุณสมบัติพิเศษ เช่น ติดทนนาน หรือสามารถให้ทั้งความแมทและความฉ่ำ จะช่วยให้คุณประหยัดเวลาในการแต่งหน้าได้อย่างมาก การทาลิปสติกที่สามารถใช้ได้ในหลายๆ โอกาสก็จะทำให้คุณไม่ต้องพกเครื่องสำอาง
  • หลายชิ้น
  • ใช้ลิปสติกเป็นตัวช่วยในการแต่งหน้าให้ดูสวยทุกสถานการณ์การเลือกสีลิปสติกที่เหมาะกับโทนสีผิวและลุคที่ต้องการจะช่วยให้คุณได้ลุคที่สมบูรณ์แบบในเวลาอันรวดเร็ว เพียงแค่ทาลิปสติกให้ทั่วริมฝีปากก็สามารถเพิ่มความสวยและความมั่นใจได้ทันที
  • เน้นการทาลิปให้สมบูรณ์แบบแม้จะมีเวลาไม่มาก การทาลิปสติกให้เรียบร้อยและแม่นยำก็ยังคงเป็นจุดสำคัญ อย่าลืมใช้กระจกขยายหรือแปรงลิปในการช่วยให้ทาลิปได้อย่างแม่นยำ

สรุป

การแต่งหน้าให้สวยในเวลาเพียง 5 นาทีไม่ใช่เรื่องยาก หากคุณมีตัวช่วยดีๆ อย่างลิปสติกจาก L'Oreal และ Maybelline ที่มาพร้อมกับคุณสมบัติที่ตอบโจทย์การใช้งานในชีวิตประจำวันและงานพิเศษ ลิปสติกเหล่านี้จะช่วยให้คุณสวยและมั่นใจตลอดทั้งวัน พร้อมให้คุณมีลุคที่เหมาะสมในทุกสถานการณ์

เลือกใช้ลิปสติกที่ทั้งสะดวกและติดทนนานในแบบที่คุณชอบ และคุณจะรู้ว่าแต่งหน้าเร็วไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอีกต่อไป!

5
สิว...ปัญหาที่หลายคนต้องเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นวัยรุ่นหรือผู้ใหญ่ ปัญหาสิวไม่เพียงแต่สร้างความรำคาญใจ แต่ยังส่งผลต่อความมั่นใจในตัวเองอีกด้วย รอยแดง รอยดำที่เกิดจากสิวก็ยิ่งเป็นปัญหาตามมา ทำให้ผิวหน้าดูหมองคล้ำ ไม่สดใส วันนี้เราจะมาเจาะลึกถึงสาเหตุของสิว และสิวอุดตัน พร้อมแนะนำตัวช่วยดีๆ อย่างเซรั่มลดรอยสิว ที่จะมาช่วยกู้ผิวให้กลับมามีออร่าอีกครั้ง

สิวเกิดขึ้นได้อย่างไร?
สิวเกิดจากหลายปัจจัยรวมกัน เช่น

  • ฮอร์โมน : การเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนในช่วงวัยรุ่น หรือช่วงมีประจำเดือน ทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันมากเกินไป อุดตันรูขุมขน
  • แบคทีเรีย : แบคทีเรีย P. acnes อาศัยอยู่ในรูขุมขนที่อุดตัน เมื่อมีการอักเสบ แบคทีเรียจะเพิ่มจำนวนขึ้น ทำให้สิวลุกลาม
  • เซลล์ผิวเก่า : เซลล์ผิวที่ตายแล้วหลุดลอกไม่หมดไปอุดตันรูขุมขน
  • ปัจจัยอื่นๆ : พันธุกรรม อาหารการกิน ความเครียด สภาพแวดล้อม

เซรั่มลดรอยสิว ตัวช่วยกู้ผิวให้กลับมาใส
เซรั่มลดรอยสิว เป็นผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีเนื้อสัมผัสบางเบา ซึมซาบเร็ว และมีส่วนผสมเข้มข้น ช่วยแก้ปัญหาเรื่องรอยแดง รอยดำจากสิวได้อย่างตรงจุด โดยส่วนผสมหลักๆ ที่พบได้ในเซรั่มลดรอยสิว ได้แก่

  • ไนอะซินาไมด์ : ช่วยลดการผลิตเมลานิน ลดเลือนรอยดำ รอยแดง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
  • วิตามินซี : ช่วยให้ผิวกระจ่างใส ลดรอยดำ รอยแดง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน
  • กรดไฮยาลูรอนิก : ไฮยาลูรอนช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ลดการระคายเคือง
  • สารสกัดจากธรรมชาติ : เช่น สารสกัดจากชาเขียว, ว่านหางจระเข้ ช่วยลดการอักเสบ ปลอบประโลมผิว

วิธีเลือกเซรั่มลดรอยสิวให้เหมาะกับผิว
  • เลือกสูตรที่อ่อนโยน : หากมีผิวแพ้ง่าย ควรเลือกสูตรที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำหอม สี และแอลกอฮอล์
  • เลือกสูตรที่ตรงกับปัญหา : หากต้องการลดรอยแดง ควรเลือกสูตรที่มีส่วนผสมของไนอะซินาไมด์ หากต้องการลดรอยดำ ควรเลือกสูตรที่มีส่วนผสมของวิตามินซี
  • อ่านรีวิว : การอ่านรีวิวจากผู้ใช้งานจริง จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น

วิธีใช้เซรั่มลดรอยสิวให้ได้ผลดีที่สุด
  • ทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาด : ก่อนใช้เซรั่มลดรอยสิว ควรล้างหน้าให้สะอาดด้วยโฟมหรือเจลล้างหน้าที่อ่อนโยน
  • ใช้เซรั่มในปริมาณที่พอเหมาะ : หยดเซรั่มลงบนปลายนิ้ว แล้วแต้มลงบนบริเวณที่มีรอยสิว
  • นวดเบาๆ ให้เซรั่มซึมเข้าสู่ผิว : นวดเบาๆ เป็นวงกลม จนเซรั่มซึมเข้าสู่ผิว
  • ใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง : เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดี ควรใช้เซรั่มลดรอยสิวอย่างสม่ำเสมอ

สรุป
สิวเป็นปัญหาที่แก้ไขได้ แต่ต้องใช้เวลาและความอดทน การใช้ตัวทดลองอย่างครีมซองเซเว่น เซรั่มลดรอยสิวเป็นตัวช่วยที่ดีในการลดเลือนรอยแดง รอยดำจากสิว แต่การดูแลผิวให้แข็งแรงจากภายใน เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกาย การพักผ่อนให้เพียงพอ ก็เป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน หากมีปัญหาสิวรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้อง

6
การแต่งหน้า เป็นศิลปะที่ใครๆ ก็ทำได้ค่ะ เพียงแค่เริ่มต้นจากขั้นตอนพื้นฐานและค่อยๆ ปรับเปลี่ยนตามสไตล์ของตัวเอง วันนี้เราจะมาเริ่มต้นการแต่งหน้าเบาๆ สไตล์ธรรมชาติกันค่ะ

อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
  • สกินแคร์ : โทนเนอร์, โลชั่น, ครีมกันแดด และเครื่องสำอาง
  • เบสเมคอัพ : ไพรเมอร์, รองพื้น, คอนซีลเลอร์, แป้งฝุ่น
  • แต่งตา : อายแชโดว์โทนนู้ด, มาสคาร่า, ดัดขนตา
  • แก้มและปาก : บลัชออนโทนชมพูอ่อน, ลิปสติก ลิปบาล์มหรือลิปกลอส

ขั้นตอนการแต่งหน้า
  • เตรียมผิว : เริ่มต้นด้วยการทำความสะอาดผิวหน้าให้สะอาด จากนั้นลงโทนเนอร์, โลชั่น และครีมกันแดด ตามลำดับ
  • ลงไพรเมอร์ : ช่วยให้เมคอัพติดทนและผิวเรียบเนียน
  • ลงรองพื้น : เลือกรองพื้นที่เข้ากับสีผิว ปกปิดรอยแดงและจุดด่างดำ
  • ใช้คอนซีลเลอร์ : ปกปิดใต้ตาและจุดที่ต้องการปกปิดเพิ่มเติม
  • ลงแป้งฝุ่น : ช่วยเซ็ตเมคอัพให้ติดทนและลดความมัน
  • แต่งตา : เลือกอายแชโดว์โทนนู้ดทาให้ทั่วเปลือกตา ดัดขนตาและปัดมาสคาร่า
  • ปัดแก้ม : เลือกบลัชออนโทนชมพูอ่อนๆ ปัดบริเวณโหนกแก้ม
  • ทาปาก : ทาลิปสติก ลิปบาล์มหรือลิปกลอสให้ริมฝีปากชุ่มชื้น

เทคนิคเพิ่มเติม
  • เลือกสีที่เหมาะสม : เลือกสีที่เข้ากับสีผิวและโอกาสที่เราจะไป
  • ใช้แปรงให้ถูกวิธี : การใช้แปรงจะช่วยให้การแต่งหน้าดูเนียนเรียบ
  • ฝึกฝนบ่อยๆ : ยิ่งฝึกบ่อยเท่าไหร่ก็จะยิ่งชำนาญมากขึ้นเท่านั้น
  • ดูวิดีโอสอนแต่งหน้า : มีช่องยูทูปมากมายที่สอนแต่งหน้าสำหรับมือใหม่
จริง ๆ แล้วการแต่งหน้ามีหลากหลายลุคมากค่ะ! ไม่มีจำนวนที่แน่นอน เพราะเทรนด์การแต่งหน้าเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และแต่ละคนก็มีสไตล์ที่แตกต่างกันออกไป แต่เราสามารถแบ่งลุคการแต่งหน้าออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ดังนี้ค่ะ

แบ่งตามโอกาส
  • ลุคประจำวัน : เน้นความเป็นธรรมชาติ ดูสดใส เหมาะกับการไปทำงานหรือทำกิจกรรมทั่วไป
  • ลุคไปงาน : เน้นความสวยสง่า ดูเป็นทางการ เหมาะกับงานปาร์ตี้ งานแต่งงาน หรือโอกาสพิเศษ
  • ลุคไปเที่ยว : เน้นความสนุกสนาน สีสันสดใส เหมาะกับการไปเที่ยวทะเล หรือปาร์ตี้
  • ลุคออกกำลังกาย : เน้นความเบาบาง ไม่หนักหน้า เหมาะกับการออกกำลังกาย
  • ลุคแต่งหน้าเล่นๆ : เน้นความสร้างสรรค์ ไม่จำกัดกฎเกณฑ์ เหมาะกับการแต่งเล่นๆ ถ่ายรูป

แบ่งตามสไตล์
  • ลุคธรรมชาติ : เน้นผิวสวย ผ่องใส ดูไม่แต่งหน้ามาก
  • ลุคเกาหลี : เน้นความใส อ่อนหวาน ผิวโกลว์
  • ลุคฝรั่ง : เน้นดวงตาคมชัด โหนกแก้มสูง
  • ลุคสายฝน : เน้นความเปรี้ยว เซ็กซี่
  • ลุควินเทจ : เน้นความคลาสสิก ย้อนยุค
  • ลุคโกธิค : เน้นความเข้ม ดาร์ก
  • ลุคดอลล์ : เน้นความหวาน น่ารัก ตาโต

แบ่งตามสี
  • โทนนู้ด : สีสันอ่อนโยน ดูเป็นธรรมชาติ
  • โทนชมพู : ให้ความรู้สึกหวานละมุน
  • โทนส้ม : ให้ความรู้สึกสดใส ร่าเริง
  • โทนแดง : ให้ความรู้สึกมั่นใจ เซ็กซี่
  • โทนม่วง : ให้ความรู้สึกลึกลับ น่าค้นหา

แบ่งตามเทคนิค
  • คอนทัวร์ : เน้นการสร้างมิติให้ใบหน้า
  • ไฮไลท์ : เน้นการขับให้ใบหน้าดูสว่าง
  • กราฟิก : เน้นเส้นสายที่ชัดเจน
  • คัตครีส : เน้นการแบ่งสีเปลือกตา
  • สโมกกี้อาย : เน้นการทาตาให้เข้ม

นอกจากนี้ ยังมีลุคอื่นๆ อีกมากมายที่ผสมผสานกันระหว่างสไตล์และเทคนิคต่างๆ อยากลองแต่งลุคไหนเป็นพิเศษไหมคะ ถ้ามีลุคที่สนใจ สามารถบอกมาได้เลยนะคะ จะช่วยแนะนำขั้นตอนและผลิตภัณฑ์ที่เหมาะสมให้ค่ะ

7
ทาแล้วสวยปัง ! 3 ลิปจากแบรนด์ดัง เปลี่ยนลุคให้ปังในพริบตา

สาว ๆ อย่างเราคงเป็นกันทุกคน มีปากเดียว แต่จะมีลิปกี่แท่งก็ได้ ไปต่ออย่าหยุด เพราะการทาลิปคือการเติมเต็มความมั่นใจ และลิปสติกดี ๆ จะสามารถเปลี่ยนลุคเราให้ดูปังขึ้นได้ในทันที วันนี้เราจะมาแชร์ 3 ลิปสุดปังจากแบรนด์ดัง แต่ละตัวบอกเลยว่าคัดมาแล้ว เนื้อลิป 3 แบบ 3 สไตล์ เลือกตามใจชอบกันได้เลย

ถ้าใครกำลังมองหาลิปที่ให้สัมผัสเบาสบาย ลอรีอัล ปารีส ชิฟฟ่อน ซิกเนเจอร์ เป็นตัวเลือกที่เหมาะมาก ลิปสติก เนื้อซอฟต์แมทนี้ ให้ความรู้สึกเหมือนกำมะหยี่ บางเบาไม่หนักปาก แค่ปาดเดียวก็สามารถให้สีที่เนียนเรียบเข้ากับริมฝีปากได้ง่าย ๆ แถมยังไม่ตกร่อง และไม่ต้องห่วงเรื่องไม่ติดทน เพราะเขาเกาะปากติดดีมาก สัมผัสแรกเมื่อทาลงบนปากคือความรู้สึกนุ่มลื่นและชุ่มชื้น ทำให้เราไม่รู้สึกแห้งหรือหนักปากตลอดวัน เขามีให้เลือกถึง 9 เฉดสี ที่สามารถแมทช์กับทุกสีผิว และเติมเต็มลุคได้หลายแบบ ไม่ว่าจะออกไปทำงาน หรือนัดกับเพื่อน ๆ ก็ทำให้เราดูสดใสและมีชีวิตชีวาขึ้นทันที สาว ๆ ที่อยากได้ซอฟต์ ๆ ไม่อยากหนักปาก ต้องลองแล้วล่ะ


ลิปที่ติดทนที่สุดในใจเราคงต้องยกให้ เมย์เบลลีน ซุปเปอร์สเตย์ ไวนิล อิ้งค์เครื่องสำอาง ชิ้นนี้จะทำให้เราเฉิดฉายได้ในทุกโอกาส เพราะมีสีสันให้เลือกถึง 20 เฉด ! จะไปทำงาน หรือออกไปปาร์ตี้กับเพื่อนก็ได้ลุคที่เริ่ดทุกวัน แค่เขย่าแท่งลิปแล้วทาลงบนริมฝีปาก คอนเฟิร์มเลยว่าติดทนจูบไม่หลุด ล็อกสีติดทนนานถึง 16 ชั่วโมง ช่วยให้เรามั่นใจตลอดวัน ไม่ต้องห่วงเรื่องเติมลิประหว่างวันเลย นี่แหละ คือความสะดวกของการมีลิปตัวนี้ติดกระเป๋า ความพิเศษอีกอย่างคือ เนื้อสัมผัสแบบไวนิลที่ทำให้ริมฝีปากดูฉ่ำสุขภาพดี โดยไม่ทำให้รู้สึกหนักหรือเหนียวเหนอะหนะด้วยนะ

ถ้าอยากได้ลิปที่ทั้งบำรุงและเติมสีสันให้ริมฝีปาก ต้องลอง YSL LOVESHINE CANDY GLAZE! ลิปสติก เนื้อบาล์มสุดหรู จะทำให้ริมฝีปากดูมีสุขภาพดี ไม่แห้งกร้าน สีสันสดใส ไม่ต้องรู้สึกผิดเวลาใช้ เพราะมันคือการดูแลริมฝีปากในตัว มีส่วนผสมของสกินแคร์ถึง 78% ที่จะช่วยเติมความชุ่มชื้นยาวนานถึง 8 ชั่วโมง ใครชอบความสวยและการดูแลในหนึ่งเดียว ต้องมีไว้ในคอลเล็กชัน ! ทาแล้วจะทำให้ริมฝีปากดูฟูและมีชีวิตชีวาในทันที ด้วยส่วนผสมจากน้ำมันสกัดเย็นจากมะม่วง และวิตามินอีที่ช่วยในการบำรุงได้ดีสุด ๆ
หวังว่าทุกคนจะสนุกกับการเลือกลิปสติกที่ใช่กันนะ ! ทั้ง 3 ตัวนี้มีจุดเด่นที่แตกต่างกัน แต่รับรองว่าทาแล้วสวยทุกตัว เราแนะนำให้ลองไปสัมผัสด้วยตัวเอง เพราะความสวยไม่จำเป็นต้องใช้เวลานาน แค่ใช้ลิปที่ใช่ ก็สามารถสวยปังได้ในพริบตา


8
ปัญหาสิวกวนใจต้องหมดไป ถ้าได้ลอง 3 สกินแคร์ตัวท็อปที่ช่วยกู้ผิวให้กลับมาใสปิ๊ง

ใครเป็นบ้างที่ไม่ว่าจะผ่านกี่ปี ปัญหาสิวก็ยังคงวนเวียนอยู่ในชีวิตแบบไม่หยุดหย่อน เรานี่แหละหนึ่งในนั้น! ทั้งเรื่องงานที่เครียด ฝุ่นควันในเมือง แถมอากาศบ้านเราที่ร้อนตับแตกทุกวันอีก ทุกอย่างเหมือนจะคอยบั่นทอนผิวหน้าให้สิวขึ้นง่ายมาก พอสิวหาย รอยสิวก็ยังทิ้งร่องรอยไว้ให้คิดถึงอีก สาววัยทำงานแบบเรา ๆ บอกเลยว่าต้องดูแลตัวเองให้หนัก โชคดีนะที่ได้มาเจอเจอสกินแคร์ 3 ตัวนี้ที่ทำให้ปัญหาสิวและรอยสิวกลายเป็นแค่เรื่องชิล ๆ มาเริ่มกันเลยดีกว่า

ถ้าพูดถึง เซรั่มลดรอยสิว ที่ใช้ง่ายและเห็นผลไว ต้องยกให้ Garnier Bright Complete Vitamin C Booster Serum เลย ตัวนี้คือแบบต้องมีติดบ้าน ใครที่อยากให้รอยสิวจางไวแนะนำเลย เนื้อเซรั่มเขาซึมไว ไม่เหนียวเหนอะหนะ ใช้แล้วจะรู้สึกว่าผิวกระจ่างใสขึ้นจริง ๆ แถมมีวิตามินซีเข้มข้นถึง 30 เท่า ! แค่ฟังก็รู้เลยว่าต้องปังแน่นอน แถมยังมีสารสกัดจากยูซุเลมอนจากญี่ปุ่นที่ช่วยเติมความสดชื่นให้ผิวอีกด้วย ใช้แค่ 3 วันก็เริ่มเห็นผลแล้วนะ รอยสิวจางไวเหมือนมีเวทมนตร์ ตัวนี้ถือเป็นไอเท็มลับที่ไม่ต้องจ่ายแพงก็ผิวใสได้แบบไม่ต้องพึ่งคลินิกใด ๆ บอกเลยว่าถ้าใครกำลังเผชิญกับปัญหารอยสิว ตัวนี้ต้องลอง


ตัวต่อไปที่อยากจะแนะนำคือ ครีมรักษาสิว
  LA ROCHE POSAY EFFACLAR DUO+M ตัวนี้สำหรับสาว ๆ ที่ยังมีสิวอยู่ ลองใช้แล้วจะรู้สึกว่าชีวิตดีขึ้นมากกก ตัวนี้เป็นมอยส์เจอไรเซอร์ที่ช่วยจัดการปัญหาสิวโดยตรง มีทั้ง LHA ที่ช่วยผลัดเซลล์ผิวและ Zinc PCA ที่ช่วยลดความมันส่วนเกินบนใบหน้า ใช้แล้วสิวหายเร็วแบบไม่ทิ้งรอยไว้ด้วย แถมเนื้อครีมก็บางเบา สบายผิว ไม่ทำให้หน้ามันอีกต่างหาก ตัวนี้ดีมากตรงที่ช่วยลดสิวซ้ำซากได้แบบจริงจัง ใครที่เป็นสิวเสี้ยน สิวอุดตันบ่อย ๆ ทาตัวนี้แล้วสิวหาย รอยสิวก็จางไว เหมาะกับชีวิตคนเมืองที่ต้องแต่งหน้าเจอมลภาวะทุกวันสุด ๆ


ตัวสุดท้ายนี้เราให้เป็นตัวจบเกมสิวเลย เจลแต้มสิว Kiehl’s Blemish Treating & Preventing Lotion เป็นโลชั่นเจลที่ทาแล้วสิวลดลงแบบเร็วมาก เนื้อเจลเบา ทาแล้วเย็นสดชื่นไม่หนักหน้า แถมยังควบคุมความมันระหว่างวันได้อีก ซึ่งเป็นปัญหาที่หลาย ๆ คนเจอโดยเฉพาะในช่วงบ่าย ๆ ที่หน้ามันจนสิวผุด แถมตัวนี้ยังมีส่วนผสมของ Salicylic Acid และ Niacinamide ที่ช่วยจัดการปัญหาสิวที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตด้วยนะ คือไม่ได้แค่ลดสิวแต่ยังช่วยป้องกันสิวใหม่จากการกลับมาอีก ส่วนใครที่กลัวว่าผิวจะแห้งลอก จะบอกว่าตัวนี้ไม่ทำให้แห้งเลยเพราะมี Glycerin ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวอยู่เสมอ พูดง่าย ๆ คือตัวเดียวจบ ครบทั้งลดสิว รอยสิว และป้องกันสิวใหม่ บอกเลยว่าเริ่ดมาก



9
ศึกกู้หน้ามัน สยบสิว ให้กลับมาปังทุกวัน คนหน้ามันเป็นสิวง่ายห้ามพลาดเด็ดขาด

สาว ๆ เคยเจอมั้ย? วันไหนหน้ามัน สิวขึ้น ฟินิชลุคไม่เป๊ะ แต่งหน้าก็ไม่ติด พอทาแป้งไปได้สักพัก หน้าก็มันเยิ้ม ต้องเติมตลอดทั้งวัน ยิ่งถ้าต้องเจอกับมลภาวะ ฝุ่น ควัน ก็ไม่พ้นสิวบุกอีก กว่าจะถึงสิ้นวันก็เหนื่อยล้าสุด ๆ ทั้งผิวหน้า ทั้งใจ วันนี้เรามีวิธีจัดการปัญหาผิวแบบสวย ๆ ที่ไม่ต้องเสียเวลาเยอะ ด้วย 2 ไอเท็มลับที่มาช่วยกู้หน้าสาว ๆ ให้อยู่รอดในทุกสถานการณ์ นั่นก็คือ แป้งพัฟและโฟมล้างหน้าลดสิว

บอกเลยว่าในยุคนี้แค่แป้งพัฟธรรมดามันไม่พอ สาวๆ อย่างเราต้องการไอเท็มที่มากกว่าการปกปิด จุดขายมันต้องอยู่ที่ “ติดทน” และ “ไม่มัน” แต่เดี๋ยวก่อนนะ ไม่ใช่แค่ไม่มัน แต่ยังต้อง “ไม่เยิ้ม ไม่หนา ไม่คราบ”


แป้งพัฟตัวเด็ดที่เราอยากแนะนำคือ แป้งพัฟ L'Oreal Paris Infallible Oil Killer High Coverage Powder ทุกคนต้องมีไว้ในครอบครอง ถ้าพูดถึงการปกปิดที่เนียนเป๊ะ บอกเลยว่าเอาอยู่ และไม่ต้องห่วงเรื่องสิว เพราะตัวนี้เขาไม่อุดตันผิวเลย ด้วยการปกปิดสูงแบบ High Coverage ทำให้ผิวดูสวยเรียบเนียน แถมเนื้อแป้งยังเบาสบาย ไม่หนักหน้า ติดทนนานถึง 24 ชั่วโมง แบบไม่ต้องกลัวมันหรือเป็นคราบ นอกจากนี้ยังมี SPF 32 PA+++ ช่วยปกป้องผิวจากแดด ทำให้เรามั่นใจได้ว่าผิวจะไม่หมองคล้ำระหว่างวัน แถมกันน้ำกันเหงื่อได้ดีอีกด้วย เหมาะสุด ๆ สำหรับวันที่อากาศร้อนแรง ถ้าอยากได้ผิวสวย ๆ ดูเป็นธรรมชาติ แนะนำให้ลองดู รับรองว่าติดใจแน่นอน

โฟมล้างหน้าก็คือตัวช่วยอีกตัวที่สาว ๆ ต้องมี หลังจากที่เราต้องเผชิญกับมลภาวะ ฝุ่น PM 2.5 และเครื่องสำอางตลอดทั้งวัน โฟมล้างหน้าเป็นฮีโร่กู้ผิวเราให้กลับมาสดใสได้อีกครั้ง โดยเฉพาะ โฟมล้างหน้าลดสิว CeraVe Blemish Control Cleanser ตัวนี้ที่จะทำให้ผิวสวยใสในเวลาเพียง 7 วัน ไม่ต้องรอนาน เพราะเขามีส่วนผสมสุดเริ่ด เช่น 2% Salicylic Acid ที่ช่วยจัดการกับสิวโดยตรง และ Niacinamide ที่ช่วยปลอบประโลมผิว พร้อมเสริมความแข็งแรงด้วย Ceramides 3 ชนิด ที่ช่วยรักษาเกราะป้องกันตามธรรมชาติของผิวให้แข็งแรงขึ้น ไม่ต้องห่วงว่าผิวจะแห้งกร้าน เพราะเขาออกแบบมาให้ไม่ชำระล้างความชุ่มชื้นออกไป และยังมีส่วนผสมที่ช่วยดูดซับความมัน แถมยังปราศจากน้ำหอมและพาราเบน สบายใจได้ว่าไม่ก่อให้เกิดสิว ผ่านการทดสอบโดยแพทย์ผิวหนังมาแล้ว ลองใช้ดู รับรองว่าสาว ๆ จะได้ผลลัพธ์ผิวเนียนใส สุขภาพดี และเรียบเนียนขึ้นแบบที่ใฝ่ฝันไว้แน่นอน

เพราะเคล็ดลับของผิวหน้าสวยเนียนนั้นไม่ได้มีแค่การใช้เมคอัพ แต่เริ่มต้นจากการดูแลผิวตั้งแต่ขั้นตอนการล้างหน้าจนถึงการลงแป้ง ใครที่อยากมีผิวหน้าเนียนใส ไร้สิว อย่าลืมเริ่มจากการทำความสะอาดผิวอย่างถูกวิธี โฟมล้างหน้าที่ดีจะช่วยป้องกันสิวใหม่ไม่ให้เกิดขึ้น และช่วยให้เครื่องสำอางที่เราใช้ติดทนขึ้นอีกด้วย
จากไอเท็มที่แนะนำไป ถ้าใช้ตามรับรองสวยครบจบแค่สองตัว ไม่ต้องใช้หลายขั้นตอน แค่มีแป้งพัฟและโฟมล้างหน้าลดสิว ติดตัวไว้ก็เพียงพอแล้ว จะงานไหนก็มั่นใจ ผิวหน้าสวยเรียบเนียนได้ทั้งวัน แถมยังช่วยลดปัญหาสิวและความมันส่วนเกินได้อีกด้วย จะไปออกงานใหญ่หรือไปเดินชิล ๆ ก็ยังปังตลอดวัน


10
ดูแลผิวแห้งให้ชุ่มชื้นด้วยเซรั่มและมอยซ์เจอร์ไรเซอร์ 3 ตัวนี้ 8)

สวัสดีค่ะสาว ๆ ทุกคน วันนี้จะมาแนะนำ 3 ตัวเด็ดที่ช่วยให้ผิวแห้งของเราได้รับการบำรุงแบบเต็มที่ ชุ่มชื้น ดูใส ออร่ากระจายไปเลย! ถ้าใครกำลังประสบปัญหาผิวแห้งกร้าน ไม่ว่าจะเพราะอากาศที่เย็นเกินไปหรือผิวขาดน้ำ เราต้องบำรุงแบบจัดเต็มนะคะ วันนี้มีตัวช่วยทั้งเซรั่มและครีมบำรุงที่ตอบโจทย์สุด ๆ มารีวิวให้ฟังกัน

เริ่มจาก เซรั่ม ตัวแรกจาก L'Oréal กันก่อนเลยอย่าง L'Oréal Paris Glycolic Bright Glowing Serum น้องคนนี้มีสาร Glycolic Acid ที่เข้ามาช่วยผลัดเซลล์ผิวอย่างอ่อนโยน ทำให้ผิวเราดูสว่างใสขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจุดด่างดำหรือรอยหมองคล้ำก็จางลงไปอย่างเห็นได้ชัด เนื้อสัมผัสบางเบามากค่ะ ซึมง่าย และที่สำคัญไม่ทิ้งความเหนียวเหนอะหนะ รู้สึกผิวชุ่มชื้นทันทีหลังใช้ เหมาะกับสาวผิวแห้งที่ต้องการความชุ่มชื้นและกระจ่างใสในเวลาเดียวกัน จะบอกว่าน้องเขาทำให้ผิวดูสุขภาพดีมาก แถมช่วยเสริมให้ผิวดูเนียนขึ้นไปอีก แนะนำให้ใช้ทุกวันนะคะ จะเห็นผลชัดเจนในเรื่องความชุ่มชื้นและผิวใสปิ๊ง

ต่อกันที่ เซรั่ม ยอดฮิตอย่าง  Kiehl's Clearly Corrective Dark Spot Solution ตัวนี้เหมาะมากสำหรับสาว ๆ ที่มีปัญหาจุดด่างดำ หรือสีผิวไม่สม่ำเสมอ เป็นเซรั่มที่มีสารสกัดจาก Activated C และ White Birch Extract ที่ช่วยให้รอยสิวและจุดด่างดำค่อย ๆ จางลงอย่างเป็นธรรมชาติ ผิวจะดูกระจ่างใสขึ้นแบบสุขภาพดี และที่สำคัญคืออ่อนโยนกับทุกสภาพผิวค่ะ ใครที่ผิวแห้งแต่อยากได้เซรั่มที่ช่วยเรื่องจุดด่างดำและความชุ่มชื้นไปพร้อมกัน ตัวนี้ตอบโจทย์สุด ๆ เลยค่ะ ความชุ่มชื้นคือเด่นมาก ๆ ทาแล้วไม่รู้สึกแห้งตึงหลังใช้ ทำให้ผิวอิ่มน้ำและดูเรียบเนียนอีกด้วย

และมาถึงครีม มอยเจอร์ไรเซอร์ที่เป็นตำนานอีกตัวจาก Kiehl’s นั่นก็คือ  Ultra Facial Cream น้องคนนี้เป็นครีมที่ให้ความชุ่มชื้นขั้นสุด เหมาะมากกับสาว ๆ ที่ผิวแห้งแตกเป็นขุย ตัวนี้ช่วยล็อคความชุ่มชื้นได้ยาวนานถึง 24 ชั่วโมง เนื้อครีมเบา ซึมเร็ว ไม่หนักหน้าเลยค่ะ แต่ให้ความชุ่มชื้นแบบเต็มพิกัด ทาแล้วรู้สึกเหมือนผิวได้รับการฟื้นฟูในทันที เหมาะมากสำหรับใช้ทั้งกลางวันและกลางคืน โดยเฉพาะในวันที่ผิวแห้งมาก ๆ หรือเจออากาศเย็น ตัวนี้จะช่วยให้ผิวเราเด้ง ดูสุขภาพดี และที่สำคัญคือช่วยเสริมให้การแต่งหน้าติดทนมากขึ้นด้วยนะคะ[/size]

ทั้ง 3 ตัวที่แนะนำวันนี้เหมาะมากกับคนที่มีปัญหาผิวแห้งค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการฟื้นบำรุงด้วยเซรั่มหรือครีมบำรุง ทั้ง L'Oréal Glycolic Bright Glowing Serum ที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสไปพร้อมกับความชุ่มชื้น Kiehl's Clearly Corrective Dark Spot Solution ที่เน้นเรื่องการลดจุดด่างดำ และ Kiehl's Ultra Facial Cream ที่เน้นความชุ่มชื้นยาวนาน อย่าลืมเลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพผิวและความต้องการของเรานะคะ รับรองว่าผิวจะสวยเด้งชุ่มฉ่ำแน่นอน!

ลองใช้แล้วชอบตัวไหน มาแชร์กันได้นะคะ หวังว่าจะช่วยให้สาว ๆ ทุกคนมีผิวสวยสุขภาพดีกันถ้วนหน้าค่ะ

11
    สิ่งที่ควรเตรียมสำหรับผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุที่บ้าน ;D

    เมื่อมีผู้ป่วยหรือผู้สูงอายุอยู่ที่บ้าน การเตรียมอุปกรณ์ต่าง ๆ ให้พร้อมเป็นสิ่งสำคัญ เพื่ออำนวยความสะดวกและเพิ่มความปลอดภัยในการดูแลดูแลบุคคลที่คุณรัก สิ่งที่ควรมีหลัก ๆ เลยคือเตียงนอนและรถเข็น ซึ่งวันนี้จะมาแนะนำอุปกรณ์ดี ๆ จากแบรนด์ Fasicare

    เตียงนอนผู้ป่วยและเตียงไฟฟ้า


    ประโยชน์: ช่วยให้ผู้ป่วยเปลี่ยนท่าได้ง่าย ลดความเสี่ยงต่อแผลกดทับ และอำนวยความสะดวกในการดูแล
    สิ่งที่ควรพิจารณา:

    ขนาดและความแข็งแรงของเตียง
    ฟังก์ชันการปรับระดับต่างๆ (หัวเตียง ปลายเตียง)
    วัสดุที่ใช้ทำเตียง (ควรทำความสะอาดง่าย)
    มีราวจับหรืออุปกรณ์เสริมอื่น ๆ เพิ่มเติมหรือไม่



    ประโยชน์: สะดวกในการปรับระดับเตียงด้วยรีโมทคอนโทรล ช่วยลดภาระของผู้ดูแล
    สิ่งที่ควรพิจารณา:


    ขนาดและน้ำหนักของเตียง
    จำนวนมอเตอร์ในการปรับระดับ
    ระบบความปลอดภัยต่าง ๆ
    ฟังก์ชันเสริม เช่น ระบบป้องกันการตก


    วีลแชร์และวีลแชร์ไฟฟ้า


    ประโยชน์: เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถผลักวีลแชร์เองได้
    สิ่งที่ควรพิจารณา:


    ขนาดและน้ำหนักของวีลแชร์
    วัสดุที่ใช้ทำวีลแชร์ (ควรทำความสะอาดง่าย ทนทาน)
    ระบบเบรกและล้อ
    มีที่วางเท้า ที่วางแขน ปรับได้หรือไม่


    ประโยชน์: เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ไม่สามารถผลักวีลแชร์เองได้
    สิ่งที่ควรพิจารณา:


    แบตเตอรี่และระยะทางที่วิ่งได้
    ความเร็วในการขับเคลื่อน
    ขนาดและน้ำหนัก
    ฟังก์ชันเสริม เช่น ระบบป้องกันการล้ม


    นอกจากเตียงนอนและวีลแชร์แล้ว ยังมีอุปกรณ์อื่นๆ ที่ควรเตรียมอีก เช่น

    ที่นอนป้องกันแผลกดทับ: ช่วยลดแรงกดทับบนผิวหนัง
    หมอนรองนั่ง: ช่วยลดอาการปวดเมื่อย
    อุปกรณ์ช่วยในการเคลื่อนไหว: เช่น ไม้เท้า วอล์คเกอร์
    อุปกรณ์อาบน้ำ: เก้าอี้อาบน้ำ ราวจับ
    อุปกรณ์ช่วยในการกิน: จาน ชาม ช้อน ส้อม ที่มีด้ามจับใหญ่


    การเลือกซื้ออุปกรณ์ต่างๆ ควรพิจารณาจากสภาพร่างกายของผู้ป่วย ความต้องการในการใช้งาน และงบประมาณที่มี

    คำแนะนำเพิ่มเติม:


    ปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ: เพื่อขอคำแนะนำในการเลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสม
    ลองใช้อุปกรณ์: ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรลองใช้อุปกรณ์เพื่อดูว่าเหมาะสมกับผู้ป่วยหรือไม่
    ปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อม: ทำให้บ้านมีความปลอดภัยมากขึ้น เช่น ติดราวจับ บันได ติดตั้งอุปกรณ์ช่วยเหลือในการเข้าห้องน้ำ


    การเตรียมอุปกรณ์เหล่านี้จะช่วยให้ผู้ป่วยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และผู้ดูแลสามารถดูแลได้อย่างสะดวกสบายมากขึ้น ที่สำคัญอย่าลืมเลือกแบรนด์ที่มีความน่าเชื่อถือ ให้ความใส่ใจกับคุณภาพสินค้า เช่น Fasicare ร้านขายอุปกรณ์การแพทย์ที่ครบวงจร และมีผู้เชี่ยวชาญที่สามารถให้คำแนะนำสินค้าต่าง ๆ ได้อย่างดีด้วยความใส่ใจ
    [/list]

    12
    ทำถึงสุด ๆ กับเซรั่มกระจ่างใสพร้อมบูสผิวในทุกวัน


    ทางนี้เลยค่า มัดรวมเซรั่มจึ้งใจ ใช้แล้วดี ใช้แล้วกระจ่างใส พร้อมเผยผิวไบรท์ขึ้นอย่างเห็นได้ชัด สำหรับสาว ๆ ที่กำลังหาสกินแคร์ตัวโปรดสักตัว โพสนี้มีคำตอบให้ค่า รับรองว่าตอบบโจทย์ทุกสภาพผิว ผิวมัน ผิวแห้ง ผิวผสม แบบไหนก็เอาอยู่ บอกเลยค่ะว่าที่สำคัญคุ้มค่า คุ้มราคา คู่ควรแก่การลงทุนแบบสุด ๆ ไม่มีไม่ได้แล้วค่ะนาทีนี้


    มากันที่ตัวแรกกับ L’oreal glycolic bright serum ตัวดัง ติดกระแสทุกช่องทางโซเชียล ที่มาพร้อมกับขวดเซรั่มแบบติดแกลม สีชมพูไล่สี เหมาะสำหรับสาว ๆ และไม่พูดถึงเนื้อสัมผัสก็คงไม่ได้เพราะบางเบามาก ซึมง่าย ชุ่มชื้นไว ไม่พูดถึงตัวพระเอกไกลโคลิคตัวนี้ไม่ได้เลยค่ะ เพราะสารสกัดนี้ช่วยผลัดเซลล์ผิวได้ดีกว่ากรด AHA ชนิดอื่น ๆ ซึ่งทางการแพทย์นิยมใช้เป็น active ingredient ในขั้นตอนการทำพิลลิ่ง เพราะสามารถช่วยกระตุ้นให้เกิดเซลล์ผิวใหม่ ช่วยฟื้นฟูมอบความชุ่มชื้นให้กับผิวและดูแลปัญหาผิวต่าง ๆ ทั้งช่วยลดจุดด่างดำ รอยสิว ทำให้ผิวเรียบเนียน สีผิวสม่ำเสมอ แลดูกระจ่างใสขึ้นบอกเลยว่าทำถึงเกินคุณน้า ไม่ใช่เซรั่มหน้าใส ธรรมดาเลยจริง ๆ เพราะได้รับการการันตีจากหลาย ๆ คนว่า ผิวหน้ากระจ่างใสและสุขภาพดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์แบบไม่จ้อจี้ แถมจุดด่างดำดูลดเลือนลง ยิ่งกว่าเห็นได้ชัดคือหน้ากระจ่างใสขึ้นจริง ผลลัพธ์จึ้งแบบนี้ไม่มีไม่ได้แล้วค่า


    ตัวสุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ที่บอกเลยว่าทำถึงเกินกับเซรั่มวิตซีราคาหลักร้อย แบรนด์นี้ขึ้นชื่อเรื่องการมอบวิตามินซีแก่ผิวได้แบบจุก ๆ ใครอยากบำรุงผิวต้องนึกถึง การ์นิเย่ โดยเฉพาะเซรั่มตัวนี้ที่ใครยังไม่เคยได้ลองต้องได้ลอง กับสูตร Bright Complete Overnight Booster Serum วิตามินซีบริสุทธิ์ 10% ใครมีปัญรอยสิว ผิวหมองคล้ำ และรอยดำที่เกิดจากสิว หมดห่วง หมดกังวลไปได้เลยค่ะ เพียงแค่หยดเซรั่มลงบนผิวหน้า เพียงข้ามคืนเท่านั้น พร้อมตื่นมาต้อนรับผิวหน้าที่เปล่งปลั่ง กระจ่างใส กับ เซรั่มหน้าใส ที่นอกจากรักษาแล้วยังช่วยเติมความชุ่มชื้นให้แก่ผิวอีกด้วย ไม่พูดถึงเนื้อสัมผัสไม่ได้เลยค่ะ ให้ 3 คำกับเนื้อสัมผัสตัวนี้เลยว่า เกลี่ยง่าย ซึมง่าย บางเบา ใครยังไม่ได้ลองรีบพุ่งตัวไปด่วนเลยค่า


    ตัวสุดท้ายกับพระเอกกู้ฝ้า เผยหน้าใส ไอเท็มตัวปังจาก การ์นิเย่ ฝ้าแดดจางลงใน 6 วัน เซรั่มแพ็คเกจที่มาในรูปแบบแอมพลู สูตร Garnier complete vitamin c ampoule serum แอมพลูเข้มข้น 3% วิตามินซี ใช้ง่าย สะดวก ยิ่งกว่านั้นคือพกพาง่ายสุด ๆ ขึ้นเหนือ ลงใต้ ไปไหนไปด้วย สำหรับใครที่มีปัญหาหน้าเป็นฝ้าไม่หายสักที ลองตัวนี้กันดูนะคะ เนื้อสัมผัสเป็นเซรั่มเข้มข้นที่เต็มไปด้วยวิตามินซี กลิ่นอ่อน ๆ หลังจากใช้แล้วจะสังเกตได้เลยค่ะว่าฝ้าดูจางลง ผิวดูใสขึ้นกว่าเดิมมาก ๆ แถมจุดด่างดำดูเล็กลงอย่างไม่น่าเชื่อ ใครผิวหน้าแห้งตอบโจทย์มากเลยค่ะเพราะเนื้อเซรั่มอุดมไปด้วยวิตามินซีแถมเข้มข้นมาก ๆ



    13
    กลิ่นนี้แหละใช่เลย น้ำหอมที่เหมาะกับเดตแรก :-*

    หนุ่ม ๆ สาว ๆ ที่กำลังจะไปออกเดตและอยากตามหาน้ำหอมสร้างสเน่ห์สักขวด บอกเลยค่ะว่าไม่ผิดหวังแน่นอนเพราะกลิ่นและแบรนด์เหล่านี้เป็นกลิ่นที่ล้ำลึก หอม ชวนสร้างสเน่ห์ให้กับคุณอย่างแน่นอน และสำหรับใครที่กำลังตามหาน้ำหอมแบรนด์สักขวด หรือน้ำหอมขวดแรกในชีวิต รับรองว่าถ้าได้เลือกกลิ่นที่ชอบ และกลิ่นที่ใช่แล้วนั้น คุณจะพบกับตัวตนของตัวเองผ่านน้ำหอมสักขวดอย่างแน่นอน

    น้ำหอมมาแรงที่คุณผู้ชายมักโดนสาว ๆ ตก กับ YSL Y Eau de parfume น้ำหอมตระกูล Y ที่มาในธีม ไวท์แอนดาร์กฟูแชร์ (white and dark fougere)
    พูดถึงเรื่องดีไซน์ของขวดต้องไว้ใจให้กับแบรนด์นี้เลยค่ะว่าจะธรรมดาไม่ได้เพราะมีลูกเล่นอยู่ที่ตัวขวด โดยตัวขวดมีสีที่ไล่จากสีอ่อนไปเข้มสร้างกิมมิคความหรู ความแพง และในเรื่องของการติดทนไว้ใจได้สุด ๆ เลยค่ะ เพียงแค่ฉีดปั๊มเดียวกลิ่นติดทนมาก ทนตลอดทั้งวัน ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อกับน้ำหอมที่สามารถเปลี่ยนบุคลิกของตัวคนฉีดได้เลย กลิ่นนี้มีความเซกซี่ หอมแบบนัว ๆ ให้ความรู้สึกถึงผู้ชายที่ลึกลับ น่าค้นหา อบอุ่น โดยใน 1 ขวด มีปริมาณ 100ml. ใช้ได้นานมากค่ะ เป็นน้ำหอมผู้ชาย https://www.yslbeautyth.com/th_TH/fragrance/fragrance-for-him/fragrance-y/ ที่เหมาะแก่การลงทุนสุด ๆ


    ใครเดินผ่านยังต้องหันมองกับน้ำหอมกลิ่นเย้ายวน สร้างสเน่ห์ กลิ่นหอมที่ออกแนวลูกคุณ ตระกูลฟลอรัลออกแนวเท่และเซกซี่ ผสมผสานความหรูหราของปารีสและความมีชีวิตชีวาจากนิวยอร์ค บอกเลยค่ะว่าใช้กลิ่นนี้แล้วใครก็ต้องทัก เป็นกลิ่นยอดนิยมที่ผู้หญิงหลาย ๆ คนเลือกใช้ รุ่นยอดฮิต ขายดีสุด ๆ สำหรับเรื่องของการดีไซน์สวยตาแตกมากค่ะ ตัวนี้เป็นแบบ Eau de parfum กลิ่นติดทนนานทั้งวันเลยค่า ความพิเศษอยู่ตรงที่น้ำหอมกลิ่นนี้มีเรื่องราว การได้เลือกซื้อน้ำหอมสักขวด ความน่าสนใจและความสนุกอยู่ตรงนี้เลยค่า สำหรับนาทีนี้ถ้าจะบอกว่าที่สุดของน้ำหอมผู้หญิง  https://www.yslbeautyth.com/th_TH/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%A1/%E0%B8%99%E0%B9%89%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B8%B4%E0%B8%87/libre/%E0%B8%99%E0%B9%8D%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%AD%E0%B8%A1%E0%B8%9C%E0%B8%B9%E0%B9%89%E0%B8%AB%E0%B8%8D%E0%B8%B4%E0%B8%87-libre-eau-de-parfum/WW-50424YSL.html อยู่ที่ไหน ต้องนึกถึงกลิ่นนี้จาก YSL เป็นอย่างแรกเลยค่ะ

    น้ำหอมใหม่มาแรง สำหรับผู้หญิงยุคใหม่ จาก Lancome รุ่น Idole Eau de parfum น้ำหอมผู้หญิง https://www.lancome.co.th/th_TH/idole/idole/00267-LAC.html#tab=%E0%B8%A3%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%94 ที่ีผสมผสาน กุหลาบ จัสมิน และไซเปร มาในคอนเซ็ป เสียงเรียกร้องให้หญิงสาวรุ่นใหม่ทั่วโลกร่วมเดินทางร่วมกัน ความหอมแบบคุณผู้หญิงต้องไว้ใจแบรนด์นี้เลยค่ะเพราะมีกลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ที่ขับเคลื่อนด้วยส่วนผสมอันโดดเด่นสามชนิด มาพร้อมกับขวดน้ำหอมที่มีรูปทรงปราดเปรียวเฉียบคม แม้ขวดจะบางแต่แกร่งสุด ๆ ตรงตามคอนเซ็ป ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความมุ่งมั่นและความมุ่งมั่นของผู้หญิง น้ำหอมกลิ่นนี้แนะนำมาก ๆ เลยค่ะว่าคุณผู้หญิงจะติดใจและซื้อใช้ต่อไปเรื่อย ๆ อย่างแน่นอนเพราะความหอมนี้จะสร้างบุคลิก ความั่นใจ และการเป็นตัวเองในแบบที่แข็งแกร่งของคุณผู้หญิงออกมาผ่านน้ำหอมขวดนี้ นาทีนี้ไม่มีไม่ได้แล้วค่ะต้องไปตำด่วน

    14
    รวมตัวช่วยครีมทาผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย เหมาะสำหรับทุกวัย :P

    รวมไอเท็มลับ ตัวเด็ดตัวดัง ครีมทาผิวที่ทาเพียงครั้งเดียวเหมือนดื่มน้ำวันละ 10 แก้ว ใครเจอปัญหาผิวแห้ง หยาบกร้านแค่ไหน โลชั่นและครีมเหล่านี้เอาอยู่แน่นอน เพราะเป็นแบรนด์ที่ใครหลายคนไว้วางใจ ใช้ได้ทั้งหน้าและตัว ปราศจากน้ำหอม สำหรับใครที่กำลังลังเลบอกเลยค่ะว่ามัดรวมตัวเด็ดที่ถ้าทุกคนได้ลองสักครั้งแล้วจะติดใจอย่างแน่นอน การดูแลตัวเองเริ่มจากการบำรุงผิว รับรองว่าดีขึ้น ผิวเรียบเนียนกระจ่างใสจนคนทักแน่นอนค่ะ

    ครีมทาผิว https://www.cerave.co.th/our-products/moisturizers/moisturising-cream จาก เซราวี กระปุกบิ๊กเบิ้มแบบจุก ๆ ใช้ได้นานเป็นเดือน ใช้ดีเหมาะกับทุกสภาพผิว เนื้อครีมเข้มข้น เนื้อแน่น ทาลงผิวแล้วไม่เหนียวเหนอะหนะ ซึมไว เกลี่ยง่าย ไม่เป็นคราบ ครีมตัวนี้ ประกอบด้วยเซราไมด์ที่จำเป็นต่อผิว 3 ชนิด โดยสกัดจากพืชธรรมชาติ พร้อมผสานด้วยไฮยาลูรอนิกแอซิด เพื่อช่วยชดเชยความชุ่มชื้น เซราไมด์ที่ขาดหายไป และเสริมสร้างปราการปกป้องผิว รับประกันผลลัพธ์ที่ได้สุดจึ้งแน่นอนค่ะ ตอบโจทย์คนผิวแห้ง พร้อมกู้ผิวแห้ง ผิวหยาบกร้าน ใครศอกด้าน เข่าด้าน ตอบโจทย์สุด ๆ อีกทั้งพร้อมให้ความชุ่มชื้นยาวนานกว่า 24 ชั่วโมง ราคาคุ้มค่าแก่ประสิทธิภาพที่ได้มากเลยค่ะ คุ้มค่ากับการลงทุนแน่นอน บอกเลยว่าต้องมีซ้ำ เหล่าอินฟลูคอนเฟิร์ม

    โลชั่นตัวดังที่ฮิตติดกระแสที่สุดในตอนนี้ เป็นที่เลื่องลือของใครหลาย ๆ คนว่าดีมาก กอไก่ล้านตัว เป็นโลชั่นที่มีทุกบ้านสุด ๆ เพราะตัวนี้เป็น โลชั่นผิวแห้ง (Embed Link: https://www.cerave.co.th/our-products/moisturizers/moisturising-cream#) ที่เหมาะสำหรับการกู้ผิวแห้งสุด ๆ กับ Cerave Moisturizuring Lotion เป็นโลชั่นที่เนื้อบางเบา ไม่เหนียวเหนอะหนะ ใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน เหมาะสำหรับคนผิวแห้ง ถึงแห้งมาก แถมยังทาได้ทั้งหน้าและตัว มีส่วนผสมของเซราไมด์และไฮยาลูรอนิคแอซิด อ่อนโยน ไม่อุดตันผิว คุ้มค่าเกินราคา คู่ควรแก่การซื้อสุด ๆ ค่ะ ใครยังไม่มีติดบ้านต้องซื้อมาลองใช้แล้วนะ แล้วจะขึ้นแท่น สกินแคร์ตัวโปรดแน่นอน ตัวนี้มีด้วยกันถึง 2 ขนาดให้เลือกซื้อ

    ใครผิวแห้งหนักมาก เชิญทางนี้เลยค่า กับ La Roche Posay Lipikar Baume AP+M ใช้ได้ทั้งหน้าและตัว ตัวนี้เอาอยู่หมัด ผิวแห้ง https://www.larocheposay-th.com/lipikar/lipikar-baume-light-ap-plus-m แค่ไหนก็เอาอยู่ เนื้อครีมแน่นมาก เข้มข้น และเนื้อค่อนข้างแน่น ไม่มีกลิ่นไม่มีน้ำหอม ซึมง่าย ชุ่มชื้น เหมาะมาก ๆ เลยค่ะสำหรับคนที่ต้องการความชุ่มชื้นตลอดทั้งวัน ใครมีแพลนเที่ยวต่างประเทศอากาศหนาว ๆ ติดลบแค่ไหน บอกเลยค่ะว่าเอาอยู่ เวิร์คแน่นอนไม่แห้ง ไม่คัน หลังใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานจะเห็นผลลัพธ์ 99% ที่ผิวนุ่มมากขึ้นและเรียบเนียนมากยิ่งขึ้น รับประกันแน่นอนตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้เลยค่ะว่าผิวชุ่มชื้นขึ้นทันตาสุด ๆ เป็นครีมที่คู่ควรแก่การซื้อ คุ้มค่ากับประสิทธิภาพที่ได้มาก ๆ

    15
    รวมกันแดดที่ดีที่สุด สกัดทุก UV พร้อมท้าแดดสุดแรง  :-*
    ระวังผิวไหม้แบบไม่รู้ตัว มองหากันแดดสักตัวกันดีกว่า อากาศร้อนแบบนี้หน้าโดนทำร้ายจากแสงแดด การทากันแดดสำคัญมาก ๆ เลยนะทุกคน แสง UV ก่อให้เกิดฝ้า หน้าหมอง ผิวไม่กระจ่างใส บอกเลยว่าห้ามพลาดกับ 2 แบรนด์ที่สุดของครีมกันแดด หน้าร้อนนี้เอาอยู่แน่นอน ใครกำลังลังเลว่าจะเลือกกันแดดค่า SPF ที่เท่าไหร่ จะสามารถป้องกันผิวจากแสงแดดได้แบบเห็นผลที่ดีที่สุดก็ต้องเลือกค่า SPF 50 เท่านั้นเลยค่า แล้วที่สำคัญควรทากันแดดทุก ๆ 2 ชั่วโมงนะคะ

    เจอแล้วกันแดดที่เหมาะกับคนหน้ามัน หมดห่วงหน้าไม่ไหลเยิ้มระหว่างวัน แถมไม่รบกวนเมคอัพ ที่สุดของความเพอร์เฟค เซรั่มครีมกันแดด https://www.loreal-paris.co.th/must-know-about-sunscreen ที่ดีที่สุด จาก L’oreal ตัวนี้ สูตรแมทท์ แอนด์ เฟรช ล้ำลึกด้วยการกรอง UV อย่างมีประสิทธิภาพ ปกป้องผิวจากรังสี UVA & UVB ที่เป็นต้นเหตุให้เกิดรอยฝ้าแดด ผิวหมองคล้ำ จุดด่างดำ และริ้วรอยแห่งวัย เนื้อสัมผัสเป็นเซรั่มเนื้อแมทท์ที่ลงตัวมาก ๆ เลยค่ะ ทุกคนรู้ไหมคะว่ารังสี UV อันตรายมาก ๆ เพราะอาจพรากความเยาว์ของผิวถึง 57% เลยนะ แล้วที่สำคัญตัวนี้ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวได้ยาวนานถึง 8 ชั่วโมง หน้าแมทท์ตลอดทั้งวัน พร้อมสู้แดดไปเลยค่า

    ตัวเด็ด ตัวดัง ครีมกันแดด https://www.garnier.co.th/female-skincare/sun-protection ที่เริดที่สุดในตอนนี้  การ์นิเย่ ไบรท์ คอมพลีท ซุปเปอร์ ยูวี เอสพีเอฟ50+/พีเอ++++ สูตรสีแนทเชอรัล ตัวนี้มีความพิเศษตรงที่ผสานวิตามิน ซี ลงในครีมกันแดด มาพร้อมกับนวัตกรรมขั้นสูงในการปกป้องผิวจากจุดด่างดำ เนื้อสัมผัสบางเบามากค่ะ ซึมไวมาก ๆ ไม่เหนียวเหนอะหนะ ที่สำคัญไม่รบกวนเมคอัพ ไม่เป็นคราบแน่นอน เหมาะสำหรับสาวเอเชียสุด ๆ บอกเลยค่ะว่าแบรนด์นี้โด่งดังเรื่องการบำรุงด้วยวิตามิน ซี นอกจากปกป้องผิวหน้าจากแสงแดดแล้วยังบำรุงอีกด้วย

    ความพิเศษของครีมกันแดดตัวนี้อยู่ที่ส่วนผสมเลยค่ะ มีทั้งวิตามิน ซี เข้มข้น ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่า ลดรอยด่างดำ ฝ้าแดด เพิ่มผิวใส ได้แบบเต็มแมกซ์ แล้วยังมีวิตามิน อี ที่ช่วยปกป้องฟื้นบำรุงผิว ที่โดนทำร้ายลึกจากทั้งแสดงแดด มลภาวะไม่ว่าจะฝุ่น PM 2.5 หรือควันไอเสียต่าง ๆ และมี ไฮดร้า-แอคทีฟ เอเจนท์ ช่วยเติมความขุ่มชื้นได้ยาวนาน

    ใครหน้ามันเชิญทางนี้เลยค่า ครีมกันแดดสูตรคุมมัน ปราศจากน้ำมัน เนื้อสัมผัสบางเบา เกลี่ยง่าย ซึมไว มีทั้ง UVA, UVB และ UVA1 ที่ปกป้องผิวจากแสงแดด และด้วยพลังของวิตามิน ซี เข้มข้น และ MexorylTM เป็นนวัตกรรมที่ปกป้องการเกิดจุดด่างดำที่สุดของครีมกันแดดที่คู่ควรของสาวเอเชีย เลยค่ะ

    ซัมเมอร์นี้เที่ยวไหนก็ไม่หวั่นเพราะครีมกันแดดตัวนี้มีแบบซอง ใช้ง่าย พกพาสะดวก ต้องนึกถึง ครีมกันแดด 7-11  https://www.garnier.co.th/female-skincare/sun-protection ราคาไม่แพงเลยค่ะ เพียงแค่ 29 บาทเท่านั้น ในปริมาณถึง 7 ml. สาว ๆ คนไหนมีแพลนเที่ยวทะเล บอกต่อเลยค่าว่าดีมาก ๆ สะดวก ราคาถูก ปกป้องผิว หน้าไม่เยิ้ม ไม่มั่น ไม่มีไม่ได้แล้วค่า

    หน้า: [1]